Category ข่าววันนี้

ปมลึก คดีป๋ายุทธ กินตับเมียชาวบ้าน หรือ เหยื่อเกมพิศวาส

คดีป๋ายุทธ 1

รายการ “ถอนหมุดข่าว” เผยแพร่ทาง แอปพลิเคชั่น SONDHI APP สถานีส่งสัญญาณโทรทัศน์ NEWS1 แล้วก็ เฟซบุ๊กแฟนเพจ NEWS1 ในวัน อังคาร ที่ 10 มกราคม 2566 พรีเซนเทชั่นรายงานพิเศษ ปมลึก คดีป๋ายุทธ กินตับเมียประชาชน หรือ เหยื่อเกมพิศวาส

การยุทธ ยังไม่สิ้นเสร็จ ทางออกของ ย. ย. ยงยุทธ วิชัยดิษฐ จะเป็นอย่างไรถัดไป คดีที่กลายเป็นข่าวสารโจษจัน คาวสวาท ในวัย 80 ปี กับสาวสวยรุ่นลูก ซึ่ง ดันเป็น “เมียชาวบ้าน”

นายยงยุทธ ขณะนี้ จะต้องเจอศึกกระหนาบ กับหลาย ๆ ด้านพร้อมกัน ทั้งจากคดี รวมทั้ง กระแสสังคม

ในทางคดีนั้น “นาย ก.” ฝ่ายโจทก์ ซึ่ง มีทนายความตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด รับว่าความให้ ได้ยื่นฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย ต่อ เชลยไปแล้ว ตั้งแต่ช่วงวันที่ 23 ธันวาคม ก่อนหน้าที่ผ่านมา

ปรากฎว่า มีการเดินเกม ตอบโต้ ส่งคนไปขู่เข็ญคุกคามทางด้านโจทก์ ถือเป็นเป้าหมายที่พลาดอย่างแรง ของคนสั่งการ

เมื่อโจทก์เกิดความหวาดกลัว แล้ว ยอมถอยไปเงียบๆก็จัดว่าเข้าทางไป แต่สำหรับในกรณีนี้ โจทก์ กลับทำตรงกันข้าม และ พร้อมที่จะชนอิทธิพลให้ รู้ดี รู้ชั่ว กันไปเลยทีเดียว

เมียถูกชายชู้ตีท้ายครัว ก็ปวดพอเพียงแล้ว ยังมาถูกข่มขู่คุกคามซ้ำอีก สามีของฝ่ายหญิง เลยทวงแค้น ด้วยการเปิดเผย

คดีป๋ายุทธ

สำหรับหมากเกมนี้ คดีป๋ายุทธ ของชายบุคคลที่สาม ก็เลยถือว่าเกิดความผิดพลาดขึ้น อย่างแรง

จากคดีที่ฟ้องคดีกันเงียบๆ ไม่มีใครทราบ ก็เลยตกกลายเป็นข่าวดัง ได้รับรู้กันทั้งประเทศ

อย่างไรก็ตาม ทางคดีอาจจะมีทางรอด ไม่เสียค่าใช้จ่ายชดเชย ตามกฎหมายแพ่ง ถ้าพิสูจน์ได้ว่า ผัวเมียคู่ปัญหานี้ รู้เห็นเป็นใจกัน ทำเหตุการณ์ขึ้นเอง จน ป๋ายุทธ์ ติดบ่วง

ว่าในประเด็นตามกฎหมาย ก็คือ การจะฟ้องร้องคดีทางแพ่ง เรียกค่าเสียหายใดๆก็ตาม ตามกฎหมายแพ่ง มาตรา 1523 เรียกค่าทดแทน จากแฟนปันใจ จำเป็นที่จะต้องเป็นคู่ที่ จดทะเบียนกันแล้วเพียงแค่นั้น ต่อให้โดยพฤตินัย จะแยกบ้านกันอยู่ก็ตาม ยังนับว่าเป็น สามี ภรรยา โดยชอบด้วยกฎหมาย

ถ้าหากคู่สมรสชนิดอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน แต่ไม่ได้ลงทะเบียนกัน จะไม่มีสิทธิ์ฟ้องตามมาตรา ดังกล่าวได้เลย

จนถึงเดี๋ยวนี้ ก็ยังไม่มีการยืนยันกระจ่าง ในประเด็นทะเบียนสมรส ว่ามีไหม แต่ก็น่าพิจารณาเหมือนกันว่า ผู้ใช้กฎหมาย ระดับ ทนายความตั้ม จะมาตายน้ำตื้น พลาดในข้อกฎหมายง่าย ๆ แบบงี้ ก็ยากที่จะมีความเป็นไปได้

มาถึงประเด็นที่น่าดึงดูดสูงที่สุด อันจะเป็นเหตุทำให้คดีพลิก รวมทั้ง เกิดกระแสตีกลับ มีการพินิจพิจารณาไปในทางเดียวกันคือ ป๋ายุทธ คือ เหยื่อของเกมหลงใหล อันสลับซับซ้อน เป็นได้ว่า งานนี้ เป็นแผนการส่งฝ่ายหญิง ไปลวงล่อให้ “ป๋ายุทธ ดอนฮวน แห่ง ชาวสิงห์ดำ” ตกหลุม เพื่อร่วมกันแบล็กเมล์ตบสินทรัพย์ มันจะเป็นได้ไหม คนไม่ใช่น้อยตั้งประเด็นนี้ เพื่อให้มองรอบด้าน

หนึ่งในปัญหา ที่มีต่อ ตัวคู่คู่สมรส เพราะเหตุไร ฝ่ายสามีจึงได้ เข้าถึงภาพลับ แชทลับ ต่าง ๆ ของภรรยาได้ ทั้งที่เมียกำลังเริ่มจะมีพฤติกรรมทางลับ ที่มิดีมิงาม

เพราะเหตุใด เธอถึงหละหลวม ไม่มีการเข้ารหัสปกป้องโทรศัพท์มือถือ ที่ตรงนี้จะมองดูให้เป็นพิรุธ ก็มองได้เช่นเดียวกัน

ฝ่ายจำเลย อาจใช้ประโยชน์จากความสงสัย เหล่านี้ แปลงตัวเอง ให้เป็นเหยื่อผู้ถูกกลั่นแกล้ง ไปเลย ไม่ใช่นักรักนักล่าไร้หัวใจ อย่างที่ข่าวเขาว่าซะหน่อย

คดีป๋ายุทธ 2

แต่การเข้าถึงข้อมูลมือถือนั้น จริง ๆ ก็มีสารพัดสารพันกระบวนการที่จะ “แฮก” เข้าไปได้ ถึงแม้ว่าจะมีรหัสป้องกันก็ตาม

ปัจจุบันนี้ ความพลาดท่าอย่างแรงของ ป๋ายุทธ ก็คือ สมรภูมิโซเชียล เนื่องจากภาพลับของ นายยงยุทธ เริ่มถูกปล่อยออกมา ว่อนทั่วอินเตอร์เน็ต ไปแล้ว

อย่างภาพเปลือยคู่กัน ที่แม้มองไม่เห็นหน้าฝ่ายชาย แต่ก็มองเห็นผมสีดอกเลาโดดเด่น เป็นสง่า ก็ไม่อาจจะเป็นผู้ที่สอง หรือ ใครอื่นได้

หรือภาพเปิดหน้าชัด ๆ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ โอบไหล่สาวสวยรุ่นลูก แชะภาพด้วยกันอย่างเปิดเผย อาจจะแถว่าเป็นภาพตัดต่อ ก็ว่าได้ แต่ ใครจะเชื่อ? แล้วก็ วันนี้ยังมีภาพหลุด ค่อย ๆ ปล่อยทะยอยออกมา อย่างต่อเนื่อง

การสะสางตนเอง ในโลกของโซเชียลนั้น ถือเป็นงานยาก ถึงยากที่สุด ท่ามกลางภาพลับ ที่คงจะตามมาอีกเพียบ ที่กำลังจะได้เห็น ต่อเนื่อง ทุกวันเป็นอย่างกับหนังซีรี่ย์ เพื่อบีบรัด ป๋ายุทธ ให้ “ดิ้น” ไม่ออก

ยิ่งมีการไปต่อปากต่อคำ กับทนายตั้ม รวมถึง ตั้งท่า ดึงพรรคเพื่อไทยมาอุ้ม ก็จะยิ่งโดน ทนายความตั้ม “ขยี้” ด้วยเหลี่ยมเชิงตรรกะยอกย้อน ชาวเนต ซึ่ง ส่วนใหญ่ยืนข้าง ทนายตั้ม ก็จะรุมสกรัม ป๋ายุทธ ซ้ำกันเข้าไปอีก

บางคราว การยืดอกสารภาพเรื่องจริง เยี่ยมที่สุด ผมนี่แหละครับ “ป๋า สปอร์ต ใจดี กทม. โอนไว” แล้วปิดห้องพูดจา เพื่อจ่ายค่าชดเชย ให้กับความซุกซนที่ก่อไว้ อาจเป็นทางออกที่เยี่ยมที่สุด ปัจจุบันนี้ เชื่อ ในทางพฤตินัย การยุทธ อาจสิ้นเสร็จ แล้ว ก็จะได้เสร็จเรื่องกันไป

กองทัพเรือ ยันชิ้นส่วนเนื้อ-กระดูกที่เจอ ไม่ใช่ของมนุษย์ ไม่ท้อค้นหา 5 กำลังพลต่อเนื่อง

กองทัพเรือ ไม่ท้อค้นหา 5 กำลังพลต่อเนื่อง

กองทัพเรือ ยังรวมกำลังค้นหา 5 กำลังพลสูญหาย ร.ล.สุโขทัย สม่ำเสมอ รับรองส่วนประกอบเนื้อ และโครงกระดูกที่พบ ไม่ใช่ของมนุษย์

8 มกราคม 66 เวลา 11.30 น. พลเรือเอก ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เผยออกมาว่า ตอนนี้ กองทัพเรือยังคงดำเนินการค้นหาผู้สูญหาย จากเรือหลวงสุโขทัยอับปาง อย่างต่อเนื่อง

โดยยิ่งไปกว่านั้นตามแนวชายฝั่ง ซึ่งรับความร่วมมือจาก ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 (ศรชล.ภาค 1) ศรชล.จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ศรชล.จังหวัดชุมพร รวมทั้ง ชุดปฏิบัติการพิเศษ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ เข้าปฏิบัติการค้นหา และช่วยเหลือผู้สูญหาย บนเกาะต่างๆ

โดยขณะนี้ยังคงมีปัญหาจากคลื่นลมที่มีกำลังแรง อันเป็นผลจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และทะเลอันดามัน เป็นอุปสรรคต่อการค้นหาของเรือขนาดเล็ก อย่างไรก็ตามตลอดวานนี้ ได้มีการจัดชุดค้นหาทั้งบนผิวน้ำรวมถึงการเดินเท้าสำรวจตามริมตลิ่ง และเกาะต่างๆในพื้นที่จังหวัดชุมพร และจังหวัดสุราษฎร์ธานี จนถึงเวลานี้ ยังไม่พบผู้หายสาบสูญแต่อย่างใด

จากภาวะ คลื่นลมในทะเลอ่าวไทยที่มีกำลังแรง ทำให้เมื่อวันที่ 7 เดือนมกราคม 66 เวลา 13.00 น. ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสุราษฎร์ธานี (ศรชล.จ.สุราษฎร์ธานี) ได้รับแจ้งว่า เรือลากจูง (Tug Boat) ชื่อ พีแอล อาร์เธน่า (PL ARTHENA) ได้ขอความช่วยเหลือ เนื่องด้วยมีน้ำเข้าเรือ และเครื่องยนต์ใหญ่ดับ อยู่รอบๆตอนบนเกาะพะงัน

ก็เลยประสานส่งเรือตรวจประมง 320 เรือตำรวจน้ำ เรือ ปภ.จากเกาะสมุย เดินทางไปช่วยเหลือ ในขณะที่ ทัพเรือภาคที่ 2 ได้จัด เรือ ต.114 ออกให้การส่งเสริมช่วยเหลือ พร้อมเครื่องสูบน้ำ ท่ามกลาง คลื่นทะเลพัดแรง

ต่อมาในเวลา 13.30 น. เรือประมงชื่อ ณปภา ซึ่งอยู่ใกล้เรือเกิดเหตุมากที่สุดได้เข้าให้การช่วยเหลือลูกเรือ พีแอลอาร์เธน่า ที่สละเรือ และอยู่บนแพช่วยเหลือ ทั้ง 9 คนได้อย่างปลอดภัย จากนั้น เรือ ต.114 ได้เข้าไปรับลูกเรือทั้งหมด ขึ้นบกที่สถานีเรือสมุย ทัพเรือภาคที่ 2 ต.ลิปะน้อย อำเภอเกาะสมุย โดยในจำนวนนี้ มีคนที่บาดเจ็บ 2 ราย จึงได้นำตัวส่งโรงพยาบาลเกาะสมุย เพื่อกระทำรักษาถัดไป

ทัพเรือ ยันชิ้นส่วนเนื้อ กระดูกที่เจอ
ในส่วนของการค้นหากำลังพล กองทัพเรือ จากเหตุการณ์เรือหลวงจังหวัดสุโขทัยอับปางนั้น

ผลของการปฏิบัติจนถึงช่วงนี้ ยังไม่มีการพบผู้สูญหายเพิ่ม ซึ่งหากมีความก้าวหน้าทางที่ทำการผู้ประกาศกองทัพเรือ แจ่มแจ้งให้ทราบ และจังหวะถัดไป

ทั้งนี้ในส่วนของกระแสข่าวว่า ได้มีการตรวจพบองค์ประกอบของโครงกระดูกและชิ้นเนื้อ รอบๆหาดนางลอย อำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี นั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้นำส่วนประกอบส่งให้กับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าชนะ และเจ้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐานภาค 8 ที่เข้ากระบวนการตรวจชิ้นเนื้อ ที่โรงพยาบาลจังหวัดสุราษฎร์ธานีซึ่งล่าสุดได้รับแจ้งว่าส่วนประกอบดังกล่าว ไม่ใช่ชิ้นส่วนของมนุษย์แต่อย่างใด

คลื่นลมแรง เรือลากจูงอับปางกลางอ่าวไทย เรือ ต.114 ช่วยรับลูกเรือขึ้นบก

คลื่นลมแรง เรือลากจูงอับปางกลางอ่าวไทย เรือ ต.114 ช่วยรับลูกเรือขึ้นบก ส่วนภารกิจค้นหา กำลังพลสูญหาย ชุดค้นหาทั้งผิวน้ำ และเดินเท้าตรวจสอบริมตลิ่ง ยังไม่พบผู้หายสาบสูญเพิ่ม

ภารกิจค้นหากำลังพลหาย วันนี้ (8 มกราคม66) พล.ร.อ. ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ กล่าวมาว่า ปัจจุบันนี้ กองทัพเรือยังคงปฏิบัติงานค้นหาผู้สูญหายจาก เรือหลวงสุโขทัย อับปาง อย่างตลอด

โดยยิ่งไปกว่านั้นตามแนวริมตลิ่ง ซึ่งรับความร่วมแรงร่วมมือจาก ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 (ศรชล.ภาค 1) ศรชล.จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ศรชล.จังหวัดชุมพร รวมทั้ง ชุดปฏิบัติการพิเศษ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ เข้าดำเนินงานค้นหา และช่วยเหลือผู้หายสาบสูญ บนเกาะต่างๆ โดยเดี๋ยวนี้ยังคงมีอุปสรรคจากคลื่นลมที่มีกำลังแรง อันเป็นผลจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และทะเลอันดามัน เป็นอุปสรรคต่อการค้นหาของเรือขนาดเล็ก

การค้นหากำลังพลกองทัพเรือจากเหตุการณ์เรือหลวงจังหวัดสุโขทัยอับปางนั้น ผลการปฏิบัติตั้งแต่วานนี้จนกระทั่งวันนี้ (8 เดือนมกราคม66) เวลา 11.30 น. มีการจัดชุดค้นหาทั้งบนผิวน้ำรวมถึงการเดินเท้าตรวจตามชายฝั่ง และเกาะต่างๆในพื้นที่จังหวัดชุมพร และสุราษฎร์ธานี แต่ยังไม่เจอผู้หายสาบสูญเพิ่ม

อย่างไรก็ตาม วานนี้ (7 เดือนมกราคม66) ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสุราษฎร์ธานี (ศรชล.จังหวัดสุราษฎร์ธานี) ได้รับแจ้งว่า เรือลากจูง (Tug Boat) ชื่อพีแอล อาร์เธนา ได้ขอความช่วยเหลือ เพราะว่ามีน้ำเข้าเรือ และเครื่องยนต์ใหญ่ดับอยู่รอบๆตอนบนเกาะพะงัน ก็เลยผสานส่งเรือตรวจประมง 320 เรือตำรวจน้ำ เรือ ปภ.จากเกาะสมุย เดินทางไปช่วยเหลือ ในขณะที่ ทัพเรือภาคที่ 2 ได้จัด เรือ ต.114 ออกให้การเกื้อหนุนช่วยเหลือพร้อมเครื่องสูบน้ำ ท่ามกลางคลื่นทะเลพัดแรง

ถัดมาในเวลา 13.30 น. เรือ ประมงชื่อ ณปภา ซึ่งอยู่ใกล้เรือเกิดเหตุมากที่สุดได้เข้าให้การช่วยเหลือลูกเรือ พีแอลอาร์เธนา ที่สละเรือและอยู่บนแพช่วย ทั้ง 9 คนได้อย่างปลอดภัย แล้วต่อจากนั้น เรือ ต.114 ได้เข้าไปรับลูกเรือทั้งหมด ขึ้นฝั่งที่สถานีเรือสมุย ทัพเรือภาคที่ 2 ต.ลิปะน้อย อ.เกาะสมุย โดยในปริมาณนี้มีผู้ป่วย 2 คน จึงได้นำตัวส่งโรงพยาบาลเกาะสมุย

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า วานนี้ (7 ม.ค.66) ตรวจเจอองค์ประกอบของโครงกระดูก และชิ้นเนื้อ บริเวณหาดทรายนางลอย อำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เจ้าหน้าที่ได้นำองค์ประกอบส่งให้กับตำรวจ สภ.ท่าชนะ กองพิสูจน์หลักฐานภาค 8 ส่งไปตรวจชิ้นเนื้อที่ โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี ล่าสุดผลการตรวจพิสูจน์จากแพทย์ โรงพยาบาลท่าชนะ ระบุว่า เศษชิ้นเนื้อติดกระดูกดังกล่าวไม่ใช่ชิ้นส่วนมนุษย์ และไม่ทราบว่าเป็น กระดูกสัตว์ชนิดใด

เรือลากจูงอับปางกลางอ่าวไทย
‘ยังไม่สิ้นหวัง’ ทร.ปรับแผนค้นหากำลังพลเรือหลวงสุโขทัย

กองทัพเรือเร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจ่ายเงินเยียวยาช่วยเหลือกำลังพลที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากเหตุเรือหลวงสุโขทัยอับปาง ขณะที่การค้นหากำลังพลที่สูญหายอีก 5 นาย ยังดำเนินการต่อเนื่อง

แผนการค้นหากำลังพลเรือหลวงสุโขทัย ที่ยังสูญหายอีก 5 นาย วันนี้จะส่งทีมนักประดาน้ำจากกรมสรรพาวุธทหารเรือ นำกำลังพลเรือยางและอุปกรณ์ต่าง ๆ ไปสำรวจรอบเกาะรัง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อลงสำรวจใต้น้ำบริเวณจุดที่สงสัย เช่น พื้นที่โดยรอบเกาะและซอกหิน

นอกจากนี้ ยังชุดปฏิบัติการพิเศษของหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ หรือ หน่วยซีล พร้อมเรือปฏิบัติการความเร็วสูง และเรือยาง ออกค้นหาบริเวณเกาะต่าง ๆ ได้แก่ เกาะแกลบ เกาะยูง เกาะหนู เกาะแมว และเกาะกุลา จังหวัดชุมพร

ส่วนกำลังของศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาคที่ 1 หรือ ศรชล. ภาค 1 จะค้นหาตั้งแต่ท่าเรือประจวบ อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไปจนถึงอำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร เน้นการสำรวจตามชายหาด ขณะที่ เรือหลวงและอากาศยาน ยังให้ออกลาดตระเวนต่อเนื่องไปถึงจังหวัดสุราษฎร์ธานี

เจาะลึกความท้าทายใหม่ด้านความปลอดภัยไซเบอร์ปี 2023 ที่องค์กรต้องรู้

ความปลอดภัยไซเบอร์ 1

Trend Micro เปิดความท้าทายด้าน ความปลอดภัยไซเบอร์ ปี 2023 พร้อมชี้ Cybersecurity จะเป็นกลจักรสำคัญ ขับเคลื่อนองค์กรในอนาคต

ในตอน 2 ปีที่ผ่านมา วิธีการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน (Digital Transformation) เติบโตอย่างรวดเร็วทันใจมากขึ้น ธุรกิจ นำเทคโนโลยีเข้ามามีหน้าที่สำคัญ สำหรับการช่วยปรับปรุงธุรกิจ ให้เติบโตแบบก้าวกระโดด รวมถึงนำข้อมูล มาวิเคราะห์เพื่อผลักดันการตลาด แล้วก็ เข้าใจลูกค้ามากขึ้นเรื่อยๆ

ตอนที่หลักการทำงานของคน ถูกแปรไปเป็นแบบรีโมทมากยิ่งขึ้น (Remote Working) ทำให้ องค์กรทุกขนาด จำต้องปรับตัววางแผนดำเนินการผ่าน คลาวด์ (Cloud) เยอะขึ้น

นางสาวปิยธิดา ตันตระกูล ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เทรนด์ไมโคร (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากข้อมูลของ Gartner ซึ่งเป็นบริษัทวิจัย และ พินิจพิจารณาข้อมูลด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ชั้นแนวหน้าของโลก ระบุว่า ในปี 2025 องค์กรทั่วโลก จะใช้จ่ายกับคลาวด์เยอะขึ้น 20.4% ในตอนที่ประเทศไทย เติบโตขึ้นถึง 36.6%

เมื่อโครงสร้างพื้นฐานเดินหน้าไปสู่การใช้คลาวด์ ทำให้ระบบ Security เข้ามามีบทบาทเยอะขึ้น เพราะ องค์กรต่างจะต้องรักษาข้อมูล (Data) ซึ่ง เป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจ ให้ไม่เป็นอันตราย

“เพราะฉะนั้นองค์กรที่ย้ายไปใช้คลาวด์ จะต้องวางแผนและดึงเรื่อง Security เข้ามามีบทบาทมากขึ้น จะต้องวางรากฐานด้านความปลอดภัยไว้ตั้งแต่เริ่มต้น”

ความปลอดภัยไซเบอร์ 2

เตรียมรับมือ ความท้าทายใหม่ ความปลอดภัยไซเบอร์ Security ในปี 2023

ตอนนี้การเปลี่ยนแปลงองค์กรสู่คลาวด์นั้น ยังมีความท้าทายจากพนักงานฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ ไม่ว่าจะเป็น การย้ายระบบต่าง ๆ จากเซิร์ฟเวอร์บริษัท (On Premise) ขึ้นไปใช้บนคลาวด์ การตั้งค่าต่าง ๆ บนคลาวด์ให้ Compile ตามมาตรฐานสากล GDPR ของสหภาพยุโรป รวมทั้ง PDPA ของไทย รวมถึงการศึกษาเครื่องไม้เครื่องมือ (Tools) ต่าง ๆ จากคลาวด์หลาย ๆ รายพร้อม เวลาเดียวกันยังจะต้องต่อกรกับความท้าทายใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้น ในปี 2023 ซึ่ง ทาง Trend Micro ได้คาดเดาไว้ ดังต่อไปนี้

การนำ Tools ใหม่ ที่ไม่สอดคล้องต้องกันมาใช้ จะไม่ดีต่อองค์กร – ในตอน 3 ปีให้หลัง เทคโนโลยีใหม่ ๆ ถูกนำเข้ามาใช้อย่างเร็วทันใจ ในเวลาที่ ประธาน หรือ พนักงาน ยังไม่คุ้นเคยกับระบบต่าง ๆ ทำให้ไม่มีความรู้ ด้านการบริหารข้อมูล

Ransomware จะต่อกรยากขึ้น – การจู่โจมจะถูกแปลงจากการโจมตีที่จุดเดียว เป็นการจู่โจมแบบ Series หรือ กระจายกำลังจู่โจมหลายจุด ทำให้องค์กรต่อกรได้ยากขึ้น และก็ การจู่โจม จะไม่ใช่เพื่อความสนุกสนานร่าเริงอีกต่อไป แต่จะเป็นธุรกิจ หรือ ransomware-as-a-service ซึ่ง ถ้าประธาน และ ผู้ใช้ไม่มีความรู้ จะถูกจู่โจมได้ง่ายขึ้น

ขอบเขตขององค์กร (Enterprise Perimeter) คือ ทุกแห่ง – การจะเดินหน้าธุรกิจ องค์กรจำต้องรองรับการทำงาน แบบ Hybrid ซึ่ง การวางรากฐานให้ทำงานจากที่ใดก็ได้นั้น จะมีความหมายมากเพิ่มขึ้นในอนาคต ช่วงเวลาเดียวกันจึงควรป้องกันการโจมตี ที่เกิดจากการทำงานแบบรีโมท ด้วยเช่นเดียวกัน

ภัยคุกคามด้านสังคม (Social Engineering) จะพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง – การฉ้อฉลบนโซเชียลเน็ตเวิร์ค มีการพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ ในปีที่ผ่านมานั้นมีทั้งการส่งข้อความ โทรศัพท์มาปลอมตัว ว่าเป็นคนรู้จักกัน ซึ่ง คนเหล่านี้ได้มอนิเตอร์พฤติกรรม รวมทั้ง เลือกหลอกเงิน ในจำนวนซึ่งสามารถให้ได้ ซึ่งภัยคุกคามลักษณะนี้ Trend Micro ได้คอยเตือนผู้ใช้อยู่เป็นประจำ ในระยะเวลา 3 ปี ที่ผ่านมา

ช่องโหว่ (Vulnerabilities) จากโปรแกรม จะกลายเป็นเป้าโจมตี – การย้ายข้อมูลต่าง ๆ ขึ้นสู่คลาวด์ หลายองค์กรมักจะเลือกใช้โปรแกรม ที่เป็น Open – source เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่ได้พิจารณาถึงความปลอดภัย จากช่องโหว่ของโปรแกรม

โรงงานอุตสาหกรรม (Industrial) จะตกเป็นเป้ามากขึ้น – อุตสาหกรรมในสมัย 4.0 นั้น ใช้ระบบออโตเมชัน รวมทั้ง ระบบอินเทอร์เน็ต เข้ามาควบคุมการทำงานเป็นหลัก การทำงานในโรงงาน จึงไม่ใช่ระบบปิดอีกต่อไป สามารถถูกจู่โจมกระทั่งสายการสร้างหยุดปฏิบัติงานได้เหมือนกัน จากเทรนด์ดังที่กล่าวผ่านมาแล้ว จะมีความเห็นว่า

Cybersecurity เข้ามามีบทบาทเยอะขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดความโล่งใสในการทำธุรกิจ และก็ ยังสามารถพินิจพิจารณา คาดหมาย ว่าองค์กรจำเป็นจะต้องจัดการกับอะไรบ้างในอนาคต แล้วก็ จะปกป้องตัวเองอย่างไร

ความปลอดภัยไซเบอร์ 3

Cybersecurity ขับเคลื่อนผ่าน People, Process และ Technology

จากความท้าทายใหม่ ความปลอดภัยไซเบอร์ หรือ Security ในปี 2023 องค์กรต้องจัดการอย่างเลี่ยงมิได้ เพราะการขับเคลื่อนองค์กร ด้วยข้อมูลนั้น ขยายตัวเยอะขึ้น ตั้งแต่การวิเคราะห์ ทั้งผลประกอบการ กลยุทธ์ และก็ เมื่อข้อมูลเป็นขุมสมบัติที่สำคัญ ขององค์กร ถ้าหากว่าถูกโจมตี กระทั่งเสียหาย จะก่อให้ลูกค้าขาดความเชื่อมั่น ช่วงเวลาเดียวกันคู่แข่งก็บางครั้งอาจจะใช้โอกาสนี้ สำหรับในการจัดแคมเปญเพื่อเอาชนะในทางธุรกิจ

โดยเหตุนั้น องค์กรก็เลยต้องให้ความใส่ใจกับ 3 ส่วน ดังนี้

People – ด้วยเหตุว่า ต้นเหตุของการถูกโจมตีโดยมากนั้น มาจากการขาดความรู้ และ ลักษณะการโจมตี มีการพัฒนาเปลี่ยนอยู่เสมอเวลา องค์กรควรให้ความเอาใจใส่กับการสร้าง ความตระหนักรู้ ด้าน Cybersecurity กับบุคลากร อย่างต่อเนื่อง เพื่อ สร้างความมั่นคงให้กับองค์กร ในระยะยาว

Process – ปรับกระบวนการทำงาน ทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นการทำงาน ด้วยเทคโนโลยี เพื่อไปสู่วัตถุประสงค์องค์กร ปัจจุบันนี้คนทำงานได้จากทุกหนทุกแห่ง องค์กรจึงควรพร้อมสำหรับการตระเตรียมอุปกรณ์ ให้ทุกคนสามารถเชื่อมต่อการทำงานได้ เปลี่ยนระบบ Manual ต่าง ๆ ให้เป็น Automation เยอะขึ้นเรื่อยๆ เพื่อความรวดเร็ว และ ลดความยุ่งยาก ของการเดินเอกสาร

Technology – วางส่วนประกอบเบื้องต้นทางเทคโนโลยี ให้มีความพร้อม ด้านการดูแลรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะองค์กรที่ย้ายข้อมูลขึ้นเขาคลาวด์ จึงควรสร้างความแข็งแรง เลือกพาร์ทเนอร์ที่เข้ามาสนับสนุนเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย ที่มีทิศทาง การพัฒนาเทคโนโลยีในอนาคต สามารถเปิด API รองรับกับคลาวด์ต่าง ๆ ได้ รวมทั้งการมีทีมเกื้อหนุนที่แข็งแรง

Cybersecurity Platform หัวใจหลัก ที่ตอบโจทย์ลูกค้า Trend Micro

อย่างไรก็ตาม Trend Micro มีเป้าหมายแจ่มแจ้งในการสร้าง Cybersecurity Platform ผ่านการร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับลูกค้า มากยิ่งกว่าเพียงแค่ขายโซลูชัน เพราะเหตุว่าต้องการบูรณาการ องค์ประกอบเบื้องต้นของลูกค้าทั้งระบบ ให้มีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบภัยรุกราม เพื่อคุ้มครองปกป้องเชิงรุกได้ (Threat Hunting) รวมถึงการตอบกลับต่อภัยรุกรามอย่างทันเวลา (Incident Response) ซึ่ง เป็นลักษณะเด่นของสินค้า

ด้านการให้ความรู้ บริษัทวางแบบเทรนนิ่ง ให้กับลูกค้า โดยแบ่งเป็นหลักสูตรสำหรับ C Level , Operation, IT และ End User แยกจากกัน เนื่องจาก แบบอย่างการถูกโจมตีของบุคลากรแต่ละระดับนั้น ไม่เหมือนกัน หากผู้ใช้เพียงผู้เดียวในบริษัทที่ไม่มีความรู้ หรือไม่ตระหนักถึงความปลอดภัย ก็อาจจะเป็นผลให้องค์กรถูกจู่โจมกระทั่งเสียหายทั้งบริษัทได้

ขณะเดียวกัน Trend Micro มีผู้สนับสนุนระดับนานาชาติ ทั้ง AWS, Google และก็ Microsoft และ สิ่งจำเป็นท้ายที่สุดคือ Trend Micro มีกลุ่มส่งเสริมที่แข็งแรง มีคนที่มีความเข้าใจ ความชำนิชำนาญด้าน Cybersecurity ในเมืองไทย แล้วก็ผ่านการดูแลลูกค้าคนประเทศไทยมามากกว่า 18 ปี

ทั้งในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม แบงค์ รวมถึงภาครัฐ เพราะฉะนั้น การมีรากฐานด้านความปลอดภัยที่มั่นคงแข็งแรง จะมีผลให้องค์กรสามารถคุ้มครองป้องกันข้อมูล ไม่ให้หลุดออกไปด้านนอก แล้วก็ ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจและความเชื่อมั่นต่อลูกค้า ที่เข้ามาใช้บริการได้อีกด้วย

“แมทธิว ดีน” ไม่รู้จะสอนยังไง! “น้องเดมี่” หยิก “ใหม่ ดาวิกา” ด้าน “ลีเดีย” น้อยใจ ถูกด่าไม่สอนลูก

แมทธิว ดีน

“แมทธิว ดีน” เผย “น้องเดมี่” หยุม “ใหม่ ดาวิกา” หลายรอบ งานแรกก็เอาเลย สร้างตำนาน กลายเป็นมีมไปทั่ว รับถูกคนติเตียนไม่สอนลูก จนกระทั่ง “ลีเดีย” น้อยใจ แต่ยันสอนลูกไม่ให้รังแกใคร ส่วนที่หยิกใหม่ เจ้าตัวคงจะคาดว่าเป็นไฝแค่นั้น ลั่นตัวจริงแสบมาก

เป็นทั้งตำนาน แล้วก็ เปลี่ยนเป็นมีม สำหรับกรณีที่ “น้องเดมี่” บุตรสาว “แมทธิว – ลีเดีย ศรัณย์รัชต์ ดีน” เอื้อมมือไปหยิก “ใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่”

รวมทั้ง ขี่คอ “ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์” แม้จะเปลี่ยนเป็น ภาพฮา ๆ ทั่วโซเชียล

แต่ก็มีคนเข้าไปต่อว่า พ่อ แม่ ว่าเพราะเหตุไรไม่สอนลูก งานนี้หนุ่มแมทธิว เลยขออธิบาย ในงาน ThaiHealth Watch 2023 สังคมปรับ ชีวิตเปลี่ยน ที่จะมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การ ในการเลิกยาสูบ

แมทธิว ดีน2

แมทธิว ดีน กล่าวว่า พวกเราก็เปิดภาพให้เขาดู แต่เขาอาจจำไม่ได้เลยด้วย

“เป็นประเด็นที่ไม่น่าเชื่อ ว่าจะเป็นเรื่องเป็นราวได้ ผมมาเห็นภาพทีหลังแล้ว ว่าเดมี่ทำอะไรลงไป หยุมพี่ใหม่ แล้วหลายรอบเลยด้วย ในเหตุการณ์คือ ผมอุ้มเดมี่อยู่ แล้วใหม่ก็อยู่ใกล้ ๆ ตอนนั้นก็เห็นว่า เหมือนมีอะไรเคลื่อนไหว แต่เราถ่ายรูปอยู่ ก็ยิ้มสู้กล้องไว้ก่อน เดมี่ก็ขยับเยอะ ใหม่ก็ขยับ เลยหันไปมอง ก็บอก เดมี่ใจเย็น ๆ งานแรกก็เอาเลย สร้างตำนาน แต่ผมก็เข้าใจว่า หยิกไฝ

เพราะก่อนหน้านั้นเขาก็หยิกคอผม ที่มันน่าจะมีไฝ หรือ มีอะไรอยู่ แล้วใหม่ก็บอก เขาเองก็มีไฝอยู่ตรงนั้น เลยคิดว่าน่าจะใช่ คงไม่ได้หมั่นขนาดนั้นหรอก

เด็กยังโตไม่พอ ที่จะเข้าใจอารมณ์ตรงนั้น น่าจะเป็นการหยิกไฝใหม่ ฟีลแบบว่า อยากจะหยิกออกให้ อาจจะคิดว่าเป็นสติ๊กเกอร์รึเปล่า เขาอยู่ในวัยสงสัย เห็นใครมีรอยข่วนที่มือ ก็จะสงสัยว่าเป็นอะไรเหรอ ทำไมต้องเป็นอย่างนี้ เขาจะตามจะสงสัย

ซึ่งผมเองก็ได้เปิดภาพให้เขาได้ดู แต่เขาก็จำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ว่าทำอะไรไป เพราะมันผ่านไปแล้ว ก็คุย ๆ กัน ถามเขาว่าวันนั้น เดมี่ หยิก พี่ใหม่ เหรอ เขาก็จะตอบกวน ๆ ตามสไตล์ เดมี่หยิกพี่ใหม่ ส่วนเรื่องแซวลูก ว่าหยิกพี่ใหม่เพราะสวยกว่า แซวเล่นกันในครอบครัว เดียเขาก็คุยกับใหม่อยู่ ใหม่เป็นคนบอกเองว่าน่าจะเป็นไฝ” รับถูกติเตียนเหมือนกัน ว่าไม่สอนลูก ปล่อยให้หยิก คนอื่นๆ ไปทั่ว ยันสอนลูกตลอด ไม่ให้รังแกใคร

“ส่วนที่เขาเพิ่งไปฉีดยามา อันนี้เป็นอีกเรื่องนึง ที่ฮาเหมือนกัน ถ้าได้ดูวิดีโอ จะเห็นใหม่ทำหน้า… แต่ก็ขอสู้ก่อน สักพักเริ่มเจ็บแล้ว เดมี่ก็ตลก เด็กวัยนี้ทำอะไรแปลก ๆ เยอะ ทำอะไรก็น่ารักครับ แต่ถ้าโตกว่านี้ ก็อาจจะไม่น่ารักแล้ว อาจจะมองว่าเด็กคนนี้มันยังไง ก็มีคนแซวเหมือนกัน ว่าทำไมไม่สอนลูก ปล่อยให้ไปหยิกคนอื่น เขาเป็นเด็กแหละ ไม่ได้ทำแรงขนาดนั้น

คือ ส่วนตัวผมคิดว่า เขาอาจจะแค่รู้สึกเจ็บ ตรงที่เขาไปฉีดวัคซีนมา เขาคงจะพยายามดึงออก เพราะคิดว่ามันเป็นสติ๊กเกอร์

คอมเมนต์อีกมุมก็มีบ้าง ไม่เยอะ ไม่รู้จะสอนยังไงครับ มันเป็นเรื่องที่เราคาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าคนจะคิดไปในแนวนั้นได้ เราไม่ได้คิดแบบนั้น

แต่ก็เข้าใจว่า บางคนอาจจะเป็นแฟนคลับของใหม่ อาจจะไม่อยากให้ เดมี่ ไปทำพี่ใหม่เจ็บ ก็บอกตรง ๆ นะ แน่นอนเลยว่าลูกเราทั้งสองคน เราสอนแน่นอนว่า ไม่ให้เขาไปทำร้ายใคร แม้แต่สัตว์ เราก็ไม่ให้เขาทำ ตีแมงมุม ตีแมลงสาบ เราก็ไม่ให้ทำ

เราสอนให้เขาเคารพชีวิตคนอื่น รวมไปถึงสัตว์ด้วย เดมี่ คงไม่ได้อยากจะทำให้ใหม่เจ็บหรอก บางคนอาจจะพิมพ์แหย่มาเล่น ๆ ให้เรามีรีแอ็คชั่นกลับไป ก็ได้สนใจ แต่เดียจะรู้สึกมากกว่าผม เขาก็มาคุย ว่ามันมีคนคิดแบบนี้นะ ทำไมเขาต้องพูดอย่างนี้ ผมก็บอกไม่เป็นไร มันเป็นส่วนน้อย ไม่เป็นไรหรอก 99% คนเข้าใจ ว่า เดมี่ เล่น เขาก็จะน้อยใจ ว่าทำไมมาว่าเดมี่”

แมทธิว ดีน3

ยันติว เดมี่ ก่อนออกงานแล้วนะ

“นี่ก็ติวเข้มก่อนออกมาแล้ว(หัวเราะ) เดมี่ อยู่ดี ๆ นะ อย่าไปวิ่งเล่น ซน ไปยกกระโปรงที่ไหน ไม่ได้นะ ต้องอยู่ในความสำรวม เราเป็นผู้หญิง แต่ก็อย่างว่าครับเด็ก มันก็มีอะไรที่เราคาดไม่ถึง เดมี่ เคยเจอใหม่น่าจะประมาณ 3 ปี ก็แซวกัน น่ารักดี แล้วใหม่นี่เป็นเฟิร์สคิส ของดีแลนเลยนะ สมัยนั้นยังไม่มี โควิด-19 ก็ทักทายกัน จุ๊บนิดนึง น่าอิจฉา”

ขำ ๆ สร้างตำนาน ขี่คอใบเฟิร์น พิมพ์ชนก บอกลูกถูกใจเพศหญิงงาม

“น่าจะเป็นวันที่เราไปถ่ายงานที่สตูดิโอใกล้ ๆ กัน แล้วรู้จักกับทีมงานของใบเฟิร์นอยู่แล้ว ก็เลยแวะไปเดินเล่น เที่ยว และ ถ่ายรูปกัน เดมี่ช่วงหลังเขาค่อนข้างเจอคนเยอะ เขาจะเฟรนด์ลี่พอสมควร ดีแลนจะขี้อาย เจอใครก็จะยิ้ม ๆ ไม่เล่นด้วย เดมี่ เขาชอบผู้หญิงสวย ๆ ชอบอะไรที่เป็นเพชร ๆ ประกาย ผู้หญิงนะ

เวลาไปงานมิสแกรนด์ ผมเป็นพิธีกร เขาก็จะอยู่หลังเวที แล้วเขายืนมองนางงามสวย ๆ ดีแลน คือวิ่งเล่นอย่างเดียวเลย ก็เข้าใจว่าผู้หญิงชอบอะไรแบบนี้ ทาเล็บ ทำผมสวย ๆ เขาจะชอบเวลาอยู่บ้านก็จะเล่นแตกต่างจากผู้ชายหน่อย ดีแลน จะเป็นรถ ไดโนเสาร์ เดมี่ จะรักสวยรักงาม อาจจะอยู่กับแม่เขาเยอะด้วย แม่เขาทำผิว ทำผม ทำหน้า เขาก็จะเป็นแบบนั้น ตลกดี”

รับตัวจริงแสบมากมาย

“ส่วนที่มองว่ากลายเป็นตำนาน เข้าใจว่า หลายคนอาจจะเห็นในสื่อว่าเขาดูน่ารัก แต่เวลาอยู่บ้านเขากวนมาก แบบเป็นเด็กผู้หญิงนะ แสบอยู่ ไม่ธรรมดา (ลีเดีย บอกแสบกว่า ดีแลน 2 เท่า?) ดีแลน ว่ากวนแล้วนะ เดมี่ คือเป็นอีกแบบหนึ่ง กวนแบบหน้านิ่ง รู้ว่าทำอะไรก็ไม่ค่อยมีใครว่า ใครโกรธ เท่าไหร่

ด้วยความที่เป็นหญิงคนเดียวในบ้าน ก็จะยอม ๆ หน่อย ดีแลน ก็ตีจนร้องไห้แหละโดยไม่รู้ตัว คือเรียก ดีแลน พี่แหละ แต่ตีแรง ดีแลน ก็ไปร้องไห้ แต่ก็ไม่โกรธน้อง เวลาที่มีอะไรแบบนี้เกิดขึ้น เราก็ดูที่เจตนามากกว่า เราก็พยายามสอน ให้เขาขอโทษ และ ให้อภัยกัน

ถ้าถามว่าได้ใครมา ก็ไม่รู้ อะไรที่ไม่ดี มักจะมาอยู่ที่ผม แต่ เวลาน่ารักเป็นแม่ ตามสไตล์ สนุกครับช่วงนี้ จะพยายามหากิจกรรม รวมไปถึง ดีออน ที่ยังเด็กมาก ตอนนี้น่าจะ 2 เดือน เริ่มขยับตัวได้ คิ้วเริ่มขึ้นแล้ว

แต่จะเหนื่อยมากขึ้น ตรงที่ว่า 2 คนก็คือโตแล้ว ส่วนคนนี้ก็เล็กก็เลี้ยงแยกกัน บางทีออกไปทำงานเยอะ ก็กลัวเรื่องการเป็นหวัด แต่ 2 พี่เขาอยากจะมีส่วนร่วมมาก ชอบที่จะไปเลี้ยง ช่วยแต่งตัว อาบน้ำ เดมี่ ชอบเลยเป็นสไตล์เจ๊”

เผยข้อมูล "หมอโอ๋" ทำธุรกิจร่วมกับน้องชาย "อั้ม ภูมิพัฒน์" หนึ่งบริษัท

หมอโอ๋

MGR Online – เผยข้อมูลบริษัทที่ หมอโอ๋ เลี้ยงลูกนอกบ้าน เป็นกรรมการร่วมกับน้องชาย อั้ม ภูมิพัฒน์ สามี แยม ธมลพรรณ์ ที่ถูกฟ้องฟอกเงินเอี่ยวเว็บพนัน – หนังเอวี

หลังเจ้าตัวอ้างถึงว่า ไม่เคยรู้เรื่องธุรกิจ และ ไม่ใช่เรื่องของตนเอง เจอเป็นที่ตั้ง คลีนิคเสริมความสวยงาม เขต โยธินพัฒนา

วันนี้ (18 ธ.ค.) จากกรณีที่ตำรวจกองปราบปราม สนธิกำลังศูนย์ปราบปรามอาชญากรรม ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตำรวจ) จับ นาย ภูมิพัฒน์ หรืออั้ม ประเสริฐวิทย์ อายุ 42 ปี นายเชษฐ์ชัย หงส์คำ อายุ 38 ปี แล้วก็ น.ส.ธมลพรรณ์ หรือแยม ประเสริฐวิทย์ อายุ 40 ปี อดีตผู้แสดง ภรรยานายภูมิพัฒน์ ที่ที่พัก

หลังสืบทราบว่า เป็นเครือข่าย ลักลอบเปิดเว็บไซต์พนันออนไลน์ ทายผลบอลโลก แล้วก็ คลิปอนาจาร เจอของกลาง รถยนต์ซูเปอร์คาร์ รถจักรยานยนต์ นาฬิกาหรู กระเป๋าแบรนด์เนม คอมพิวเตอร์ 5 เครื่อง โทรศัพท์เคลื่อนที่ 18 เครื่อง เงินสด 42 ล้านบาท บ้านพักหรู รวมค่า เงินทองกว่า 700 ล้านบาท

หมอโอ๋2

ย้อนรอย “แยม ธมลพรรณ์” อดีตนักแสดงสาว เงินทอง 22 ล้าน ไหม้ที่เกาะกูด ถูกจับ พร้อมสามี คดีฟอกเงินเว็บพนัน

ถัดมา พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร หรือ “หมอโอ๋” กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์รามาธิบดี

ผู้ครอบครองเพจมีชื่อเสียง “เลี้ยงลูกนอกบ้าน” ซึ่ง เป็นพี่สาว นายภูมิพัฒน์ โพสต์ข้อความแจกแจงว่า บ้านมีฐานะพอสมควร บิดาทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ไม่ได้ตรากตรำเรื่องการเงิน

น้องชายทำธุรกิจโทรศัพท์มือถือ มีรายได้มาตั้งแต่อายุน้อย ๆ รู้ดีว่าน้องนำเงินไปร่วมทุน และ เหรียญคริปโตฯ ในตอนเจริญรุ่งเรือง

กระทั่งมีรายได้มาก อีกทั้ง ไม่ได้ทราบเรื่องรายละเอียดของงาน ที่ญาติพี่น้องแต่ละคนทำนัก ไม่รู้จักเรื่องธุรกิจ ที่เป็นข่าว รับรองว่าตน แล้วก็ครอบครัว มิได้มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่เป็นข่าว และ ไม่ใช่เรื่องของตน

“บ้านเราเป็นบ้านที่มีฐานะพอสมควร คุณพ่อทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เราไม่ได้ลำบากเรื่องการเงิน น้องชายทำธุรกิจโทรศัพท์มือถือมีรายได้มาตั้งแต่อายุน้อยๆ ข้อมูลที่หมอทราบ น้องนำเงินไปลงหุ้นและเหรียญคริปโต ในช่วงรุ่งเรืองจนมีรายได้มาก

“บ้านเราเป็นพี่น้องที่สนิทกัน แต่พอเราโตกันเป็นผู้ใหญ่ ต่างคนต่างมีครอบครัวของตัวเอง เราไม่ได้ทราบเรื่องรายละเอียดของงานที่แต่ละคนทำนัก (และถ้าเรื่องนี้เป็นจริง น้องก็คงไม่ได้อยากให้รับรู้อะไรนัก)” พญ.จิราภรณ์ระบุ

หมอโอ๋3

“หมอโอ๋ เลี้ยงลูกนอกบ้าน” ยันไม่รู้เรื่องธุรกิจสีเทาของน้องชาย

รายงานข่าวแจ้งว่า จากการค้นหาข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า พญ.จิราภรณ์ หรือแพทย์โอ๋ กับ นายภูมิพัฒน์ หรือ อั้ม ซึ่งเป็นน้องชาย มีชื่อกรรมการบริษัทด้วยกัน 1 แห่ง คือ บริษัท ดิอิมเม็จเมดิคอลเอสเทติก จำกัด ขึ้นทะเบียนตั้งขึ้น ช่วงวันที่ 9 สิงหาคม 2556 ทุนจดทะเบียน 3 ล้านบาท

จุดหมาย ตอนลงบัญชี ประกอบกิจการประมูล เพื่อรับจ้างทำของ ตามวัตถุประสงค์ทั้งหมด ให้แก่บุคคล คณะบุคคลนิติบุคคล ส่วนราชการ

วัตถุประสงค์ที่ส่งงบการเงินปีล่าสุด ให้บริการเสริมความงดงาม ที่ตั้งสำนักงาน แห่งใหญ่ 249 ซอยโยธินพัฒนา ตำบลคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร

มีกรรมการบริษัท 5 คน

ได้แก่ นายภูมิพัฒน์ ประเสริฐวิทย์, นางจิราภรณ์ อรุณากูร, นางทิศณา ประพันธศิริ โรเซน, นายชาคริต ปิลันธนากร, นายปรัชญ์ พึ่งเจษฎา และนายกิดากร กิระนันทวัฒน์ กรรมการลงชื่อผูกพัน มีนายภูมิพัฒน์ ประเสริฐวิทย์, นายชาคริต ปิลันธนากร, นายปรัชญ์ พึ่งเจษฎา, นายกิดากร กิระนันทวัฒน์ สามในสี่คนลงลายมือชื่อด้วยกัน

และ ประทับตราสำคัญ ของบริษัท ปีงบการเงิน 2564 มีสินทรัพย์ รวม 25,877,727.14 บาท หนี้สินรวม 15,744,807.68 บาท มีรายได้รวม 32,290,161.55 บาท ค่าใช้จ่ายรวม 29,821,131.72 บาท กำไรสุทธิ 1,970,944.17 บาท

และก็ จากการสืบค้น ผู้ถือหุ้น บริษัท ดิอิมเม็จเมดิคอลเอสเทติก จำกัด เพิ่มเติม พบว่าผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ นายกิดากร กิระนันทวัฒน์ รองลงมาคือ นายปรัชญ์ พึ่งเจษฎา, นายชาคริต ปิลันธนากร และ มี นางจิราภรณ์ อรุณากูร กับนายภูมิพัฒน์ ประเสริฐวิทย์ เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 4 แล้วก็ 5 โดยมีสัดส่วน เท่ากัน ส่วนนางทิศณา ประพันธศิริ โรเซน มีหุ้นส่วน น้อยที่สุด

นอกนั้น ที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ ยังเป็นที่ตั้งเดียวกับ บริษัท กู๊ดไทม์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด จากการสืบค้นพบว่า จดทะเบียนจัดตั้งช่วงวันที่ 30 มกราคม 2555 ทุนสำหรับจดทะเบียน 40 ล้านบาท

เป้าประสงค์ตอนลงบัญชี ประกอบกิจการ โรงเรียน กวดวิชา โดยไม่ได้เป็นการสอนในเวลาปกติ วัตถุประสงค์ที่ส่งงบการเงินปีปัจจุบัน ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ ให้บริการสาธารณูปโภค มีนางสาวอรอนงค์ ภู่เจริญ เป็นกรรมการบริษัท

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบที่ตั้ง บริษัทเพิ่มอีก พบว่า เป็นที่ตั้งของ โครงการทเวนตี้โฟร์เฮ้าส์ (24 House) ปากซอยโยธินพัฒนา ถนนประดิษฐ์มนูธรรม (เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา) ตรงกันข้ามห้างขายเครื่องเรือนชิครีพับลิค

โดยพบว่า เป็นอาคาร 2 ชั้น ผู้เช่าจำนวนมาก เป็นคลีนิคเสริมความงดงาม

โดยมีร้านสะดวกซื้อ เซเว่นอีเลฟเว่น อยู่ด้านล่าง หนึ่งในนั้น คือ คลีนิคเสริมความงดงาม ที่ชื่อว่า ดิ อิมเมจ เมดิคัล แอสเธติก เซ็นเตอร์ (The Image Medical Aesthetic Centre)

“อากงจุน” ที่บริจาค มูลนิธิรามาฯ 900 ล. ติดอันดับมหาเศรษฐีใจบุญแห่งเอเชีย “เด็กก้าวไกล” จี้ ดีลจนลืม “ปชช.”

อากงจุน

คงมองไม่เห็น “Forbes” เป็น “สลิ่ม” หลังชื่นชม “อากงจุน” ผู้ก่อตั้ง ฮาตาริ ติดอันดับมหาเศรษฐี ใจบุญแห่งทวีปเอเชีย นักประวัติศาสตร์ แนะต้องแก้ ม.112 เข้มขึ้น ไม่ใช่ให้เสื่อมลง “เด็กก้าวไกล” สุดทนนักลงคะแนน มัวแต่ดีลจนลืม ปชช.

น่าดึงดูดเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (14 ธ.ค. 65) เพจเฟซบุ๊ก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ โพสต์ภาพ พร้อมแชร์ CocoNews บอกว่า

อากงจุน2

“Forbes ชมเชย “อากงจุน” ผู้ก่อตั้งฮาตาริ ติดอันดับมหาเศรษฐีใจดีแห่งเอเชีย

นิตยสาร Forbes ได้ประกาศทำเนียบรายนาม ฮีโร่ผู้ใจบุญแห่งทวีปเอเชีย Asia’s 2022 Heroes of Philanthropy ครั้งที่ 16 โดยได้จัดอันดับมหาเศรษฐีผู้ใจดีทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ที่ได้อุทิศเงินทองส่วนตัวช่วยเหลือการบุญ ทั้งในด้านการศึกษา ด้านสภาพแวดล้อม รวมทั้ง ด้านสังคม

โดยในปีนี้ มี 1 คนไทยติดอันดับด้วย ซึ่งก็ไม่ใช่ใครไหนหมายถึง “อากงจุน” นายจุน วนวิทย์ ผู้จัดตั้งบริษัทพัดลม ฮาตาริ นั่นเอง

โดยในปีนี้ รายชื่อคนที่ได้รับคัดมีทั้งสิ้น 15 คน เช่น Melanie Perkins และก็ Cliff Obrecht ผู้ร่วมริเริ่มตั้งขึ้นแอปฯ มีชื่ออย่าง Canva ที่ลงชื่อในพันธสัญญาว่า จะบริจาคเงินที่ได้จากแอปฯ เพื่อช่วยเหลือองค์กรการบุญต่าง ๆ

รวมทั้งยังมี ฮิโรชิ มิกิตานิ ผู้ก่อตั้ง และ ซีอีโอ ของแพลตฟอร์มชอปปิ้งออนไลน์ Rakuten ที่บริจาคเงินช่วยเหลือองค์กร ที่ผลักดันด้านมนุษยธรรม เป็นจำนวนอย่างมากมาย

ในเวลาที่ อากงจุน ก็ได้รับการคัดเลือก จากเรื่องราว เมื่อ ส.ค. ที่ผ่านมา หลังครอบครัว วนวิทย์ ได้บริจาคเงินส่วนตัว กว่า 900 ล้านบาท ให้กับมูลนิธิรามาธิบดี

โดยทางมูลนิธิฯ ได้ออกมาขอบพระคุณ และ ยังเผยอีกว่า อากงจุน รวมทั้ง ครอบครัว บริจาคเงินสมทบทุน โครงการต่าง ๆ ตั้งแต่แมื่อปี 2551 จนถึงปัจจุบัน เป็นยอดเงินบริจาค รวมทั้งสิ้น 1,317,397,000 บาท

ทั้งนี้ ตอนวันที่ 28 เดือนกรกฎาคม 2565 เว็บสถาบันทิศทางไทย โพสต์ข้อความสำคัญสามนิ้ว วิตกจริต!? ขับไส “ฮาตาริ” อยู่ฝั่งตรงข้ามทางด้านการเมือง เพียงเพราะ บริจาคเงิน 900 ล้าน ให้มูลนิธิรามาธิบดีฯ โดย XXPiYaXX

เนื้อเรื่องระบุว่า ต่อเนื่องจากกรณี นายจุน วนวิทย์ หรือ อากงจุน ผู้จัดตั้งฮาตาริ และ ครอบครัว ได้ร่วมบริจาคเงิน 900,000,000 บาท แก่มูลนิธิรามาธิบดีฯ โดยมี ศ.จ. หมอปิยะมิตร ศรีธรา คณบดี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และ รศ. ดร.พูลสุข เจนพานิชย์ วิสุทธิพันธ์ ผู้อำนวยการสถานศึกษาพยาบาลรามาธิบดี แล้วก็ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ หมอภาวิทย์ เพียรวิจิตร รองคณบดีฝ่ายติดต่อสื่อสารองค์กร เป็นตัวแทนร่วมรับมอบ

ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องราวดี ๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ถูกแชร์ไปในโซเชียลเป็นจำนวนมาก ทำให้มีชาวเน็ตเข้ามาอนุโมทนา กับการให้ทานเงินปริมาณมากมายในคราวนี้ ซึ่งสามารถรักษา แล้วก็ ช่วยเหลือผู้คนได้อีกเยอะมาก

แต่ว่าแล้วดูอย่างกับว่า คนดีในสังคมจะต้องมีมารมาผจญ เมื่อมีฝูงชนบ้าการเมืองฝั่งสามนิ้ว เริ่มเข้ามาจู่โจม นายจุน รวมทั้ง ครอบครัว ว่า ทำไมจำต้องบริจาคให้กับมูลนิธิรามาธิบดีฯ ถึงขั้นผลักใส ให้อยู่อีกฝั่ง ในทางการบ้านการเมืองในทันที

โดยเพจสาธารณะ The METTAD ได้โพสต์ เรื่องดังที่กล่าวมาข้างต้นซึ่งมีเนื้อหาว่า

มีคนบริจาคให้มูลนิธิของโรงพยาบาล กระแสในเฟซมี 2 ทาง

– คนปกติ 1 อนุโมทนา ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เป็นสิ่งดี คราวหน้าจะอุดหนุน
– คนปกติ 2 เพราะเหตุใดจำเป็นต้องผลักมูลนิธินี้เป็นสลิ่ม และก็ พิมพ์อะไรคลุ้มคลั่งอีกยาวยืด

ทำให้มีประชากรจำนวนไม่น้อย ต่างกำเนิดความไม่พอใจ ที่อุตสาหะผลักคนที่ช่วยเหลือสังคม ให้เลือกฝั่งทางด้านการเมือง โดยมีเนื้อหาว่า

“ถ้าหาก Hatari บริจาคให้โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ มันคงจะเต้นหนักกว่านี้นะครับ”

“ก็มีแต่พวกสัตว์นรก 3 กีบ ที่เดือดดาลกับคนทำบุญ”

“คนไม่ปกติคือคนที่แยกแยะไม่ออก ว่า เงินบริจาคทำเพื่อใคร เพื่อประโยชน์อะไร ไม่ว่าแหล่งที่มาของเงินมาจากกลุ่มใครก็ตาม

ปล. ต่อให้กีบบริจาค คนปกติก็ควรร่วมอนุโมทนาบุญด้วยเช่นกัน”

“คนที่สอง น่าจะวิกลจริตนะ”

“ไอ้ปกติที่ 2 มันนร้อนๆ นะครับ”

“คนไม่ปกติ 3 เป็นพวกเห็นแก่ตัว เป็นพวกที่จะเอาแต่ประโยชน์เข้าตัวเองอย่างเดียว แถมอิจฉา เวลาคนอื่นทำประโยชน์ หรือทำเรื่องดีให้สังคม ต้องออกมาดิสเครดิตกัน”

อากงจุน3

เวลาเดียวกัน นาย เทพมนตรี ลิมปพยอม นักประวัติศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thepmontri Limpaphayorm ระบุว่า

“มาตรา 112 ต้องปรับปรุงแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้เข้มข้นขึ้น ไม่ใช่แก้ไขให้เสื่อมทรามลง เพื่อเปิดประตูให้พวกรู้น้อยแต่พูดมากมาแสดงความเห็นจาบจ้วงล่วงละเมิดให้ร้าย ทุกวันนี้ เราก็เห็นคนพูดมากรู้น้อยเยอะแยะไปหมด หรือพวกมโน ดรามาก็เยอะ”

ที่น่าดึงดูดไม่แพ้กัน เพจเฟซบุ๊ก การเมืองไทย ในกะลา แชร์ โพสต์เฟซบุ๊ก ของ จรยุทธ จตุรพรประสิทธิ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตยานนาวา – บางคอแหลม พรรคก้าวไกล หัวข้อ ใกล้เลือกตั้ง มีแต่ข่าวดีลรัฐบาล ไม่มีเวลาทำงานให้ประชาชน

โดยกล่าวว่า เมื่อไทม์ไลน์การเลือกตั้งใกล้มาทุกครั้ง พร้อมกับกติกาหาร 100 ที่แจ่มแจ้งแล้ว จึงถึงเทศกาลแห่งการ ดีลรายวัน สวนทางกับการทำงานให้ประชาชน ที่ไม่จริงจังในตอนนี้

ยิ่งบรรดาพรรคเล็กเห็นว่า คงไม่รอด กับการเลือกตั้งรูปแบบนี้ ก็เลยรีบควบรวมกันครึกโครม ส่วนพรรคใหญ่ ก็ช้อปกันสนุก สะท้อนปัญหาคลาสิกชั่วนิจนิรันดร์ของการเมืองไทย ที่พรรคการเมือง ยังไม่ใช่ตัวแทนของอุดมการณ์ แต่ลักษณะของสมการที่แปรเปลี่ยนไปกับการได้มาซึ่งอำนาจ เป็นสำคัญ หรือ ถ้าหากมีผลประโยชน์ลงตัวก็พร้อมไปกับทุกขั้ว โดยไม่สนใจ ว่าก่อนหน้าเคยพูดกับประชาชนไว้ว่าอย่างไร

ประเด็นนี้ว่าห่วยแล้ว แต่ว่าก็ยังเป็นเรื่องเชิงโครงสร้างที่จำเป็นต้องไขปัญหากันไป แม้กระนั้นเรื่องสำคัญกว่านั้นเป็น ระหว่างการดีลกันวุ่นวายเวลานี้ ปัญหาของพลเมือง ก็พลอยไม่ได้รับการแก้ไขไปด้วย เป็นไม่เหลือสมาธิ จะทำงานบ้านงานเมืองกันแล้ว

ถ้าใครไม่เชื่อ ขอให้ทดลองไปเปิดทีวีหรือหนังสือพิมพ์ข่วงนี้ดู มีแต่ข่าวสารปัญหาด้านสังคมเยอะไปหมด ชีพราษฎรก็ตรากตรำ ทำมาหากินยากอย่างยิ่ง ยาม้าก็มากมาย ฆ่ากันก็แยะ โรคระบาดก็กลับมา แม้กระนั้นไม่มีใครคิดตั้งใจ

ขนาดพื้นที่โดนน้ำท่วมหนัก บ้านจมเป็นเดือน ๆ บางหลังก็ยังได้ทดแทนแค่หลักร้อย ดีหน่อยก็หลักพัน ดำเนินงานกันเสมือนไม่มีรัฐบาล ในนาทีนี้

ด้วยเหตุดังกล่าว ก่อนพ่อแม่พี่น้องจะทนทุกข์กันมากมายไปกว่านี้ อย่างไรผมก็ขอฝากถึงรัฐมนตรีทุกคน หัวหน้าพรรค ทุกพรรค รวมถึง หัวหน้ามุ้งต่าง ๆ ในรัฐบาลชุดนี้สักนิดสักหน่อยว่า จะดีลอะไรกันก็ทำไป แต่ว่าอย่าลืมตัวเองว่าเป็นรัฐบาลอยู่ ยังมีบทบาทบริหารประเทศ อย่างไรก็สละเวลามาดำเนินงานกันบ้างครับ https://www.facebook.com/101372342567471/posts/180684211302950/

แน่ๆ, ประเด็นที่น่าดึงดูด ก็คือ กรณี “Forbes” ชื่นชม “อากงจุน” ผู้ก่อตั้งฮาตาริ ติดอันดับมหาเศรษฐีใจบุญแห่งเอเชีย ที่สะท้อนให้เห็น “ความดี” ไม่มี “ขั้ว” ทางด้านการเมือง และไม่มีข้าง แม้แม้กระนั้นมีจิตใจเป็นบุญกุศล และก็ เห็นแก่สังคมส่วนรวมมากยิ่งกว่าส่วนตัว

ความจริง ไม่เพียงแค่ “มหาเศรษฐี” ทั้งหลายควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง อย่างน้อยก็คืนผลกำไรให้สังคมบ้าง ที่กอบโกยไปแล้วเยอะแยะมหาศาล

หากแต่ว่า “ติ่ง” ทางการเมือง ก็ควรให้ “เครดิต” มากกว่า นำมาแบ่งฝัก แบ่งฝ่าย ทางการเมือง เพราะมิเช่นนั้น สังคมจะยิ่งอยู่ยาก รวมทั้ง ทางแคบลงไป จนแทบสร้างกำแพงกั้นเลยทีเดียว หรือไม่จริง!?

“บิ๊กตู่”ไปต่อไม่รอช้า ประกาศรวมไทยฯกลางเดือนนี้!?

บิ๊กตู่

การเมืองเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อย “บิ๊กตู่” ไปต่อไม่รอช้า หลายพรรคเริ่มเคลื่อนกันครึกครื้น ทั้งการออกนโยบายใหม่ เพื่อหาคะแนนสนับสนุน และ การเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร รองรับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง อย่างไรก็ดี นาทีนี้ผู้ที่ “คุมเกม” ก็ยังเป็น “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อยู่ดี โดยเฉพาะ อำนาจสำหรับเพื่อการ “ยุบสภา” ที่อยู่ในมือเต็มร้อย

ทำให้ปัจจุบันนี้ หลายฝ่ายกำลังจ้อง และ สังเกตการเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะ “ลงมือ” เมื่อไร เพราะการยุบสภา ย่อมส่งผลด้านการเมือง กับทุกพรรค และ ทุกกรุ๊ปการเมืองเป็นลูกโซ่ เวลาเดียวกัน การตัดสินใจของเขา ไม่ว่าจะออกมาในแบบยุบสภา หรือว่า ปลดปล่อยยาวจนถึงครบกำหนด มันก็ล้วนมีนัยยะด้านการเมืองทั้งสิ้น

แม้แยกโฟกัส พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกมา แน่นอนว่าทุกคนก็พอคาดเดากันได้อยู่แล้วว่า เขาอยากไปต่อ อีกสองปี ตามกฎหมายที่เปิดช่องเอาไว้ให้ รวมไปถึง รอดูว่า จะมีการเปิดตัวกับ พรรครวมไทยสร้างชาติ และ ยุบสภาเมื่อไร

ปัจจุบัน เมื่อเที่ยงวันที่ 12 เดือนธันวาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวก่อนเริ่มเดินทางไปยังกรุงบรัสเซลส์ อาณาจักรเบลเยียม เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอด อาเซียน – สหภาพยุโรป ยุคพิเศษ เพื่อฉลองวันครบรอบ 45 ปี ความเชื่อมโยง อาเซียน – สหภาพยุโรป (ASEAN – EU Commemorative Summit) ระหว่างวันที่ 12 – 15 เดือนธันวาคม 2565

บิ๊กตู่2

โดยเมื่อมาถึง “บิ๊กตู่” นายกรัฐมนตรีได้ทักสื่อมวลชนว่า อยู่กันดี ๆ นะ

แล้วต่อจากนั้นให้สัมภาษณ์หลังผู้รายงานข่าวถาม มีความเป็นห่วงบ้านเมืองอะไร หรือเปล่า ระหว่างที่เดินทางไปเบลเยียม ว่า ไม่เป็นห่วงอะไรทั้งนั้น มีคนทำงานอยู่แล้ว เป็นการดำเนินงานไปตามระบบ นายกรัฐมนตรี ไม่อยู่ ก็มีรักษาการแทน ส่วนงานเขาก็ทำกันอยู่ทุกวัน เพราะ ระดับนโยบาย นายกรัฐมนตรีได้สั่งไปหมดแล้ว กรรมการแต่ละระดับ เขาก็ดำเนินงานไป ผลสำเร็จก็ตามมา

“ก็เป็นห่วงอย่างเดียวคือ เรื่องปัญหาความขัดแย้ง ลดๆกันเสียบ้าง เสนอข่าวอะไรก็เบาๆหน่อย สิทธิที่เขาจะพูดอะไรก็พูดได้ ไม่อย่างนั้นจะมีผลกับการทำงาน ในเวลานี้หลายอย่างจะต้องดำเนินการต่อ หนึ่ง สอง สาม ผ่านระยะที่ 1 ก็ต้องมีระยะที่ 2 ระยะที่ 3 ไปทำต่อ ถ้าพูดกันแล้วขัดแย้งกันไปทุกเรื่องจะไปได้อย่างไร วันเวลาที่เหลืออยู่ก็มีเวลาไม่มากนักหรอก ของรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญ ทุกอย่างว่าไปตามนั้นหมด” พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ

เมื่อถามถึงกรณีผลที่เกิดขึ้นจากการสำรวจ นิด้าโพล ที่คะแนนสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ลดน้อยลง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่เคยรู้โพล ใครทำก็ไม่เคยรู้ ใครทำ ใครตอบ ก็ไม่เคยรู้เช่นเดียวกัน ไม่เป็นผลอะไร พร้อมทำท่า ผายมือทั้งสองข้าง ผู้รายงานข่าวถามย้ำ ว่า ผลโพลจะส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจ หรือเปล่า พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่มี

เมื่อถามว่า กลับมาจากต่างแดนครั้งนี้ จะแสดงทีท่าด้านการเมืองที่แจ่มแจ้ง ได้หรือเปล่า นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “กลับมาค่อยว่ากัน”

คำว่า “กลับมาค่อยว่ากัน” ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ทำให้ถูกตีความหมายได้ว่า หลังจากสำเร็จการประชุมสุดยอดผู้นำ อาเซียน – อียู หลังวันที่ 15 เดือนธันวาคม ทุกอย่าง จะมีการประกาศความชัดเจนออกมา หรือไม่ และ เป็นการ ร่นเวลา เข้ามาให้เร็วขึ้นหรือไม่

เพราะแม้จำกันได้ ที่ผ่านมา เขาเคยตอบปัญหาว่า “หลังเอเปก ก็คือปีหน้า” ซึ่งในความเป็นจริงตอนนั้น ก็น่าจะเป็นต้นปีนั่นแหละ กับการถูกเซ้าซี้ ถามเรื่องอนาคตด้านการเมือง แต่ อย่างไรก็ดี ก็ได้ความชัดเจนมาแล้วหลังจากนั้นก็คือ “จะไปต่ออีกสองปี” กับพรรครวมไทยสร้างชาติ

เพียงแต่ว่า ยังมิได้ประกาศอย่างเป็นทางการ เนื่องมาจากเชื่อว่าเป็นเรื่องของ “มารยาท” เพราะเขาได้รับการเสนอชื่อ เป็นนายกรัฐมนตรี จากพรรคพลังประชารัฐ ด้วยเหตุผลดังกล่าว ทำให้การประกาศท่าทีด้านการเมืองใหม่ ก็เลยจะต้องทอดเวลา ออกไปก่อน

บิ๊กตู่3

อย่างไรก็ดี เมื่อหลายพรรคการเมือง เริ่มมีการเคลื่อน มีการเปิดนโยบายพรรค

รวมไปถึงการ “ย้ายพรรค” กันอย่างคึกคัก มันก็กลายเป็น ตัวเร่งให้เขาจะต้องย่นเวลาเปิดตัว สร้างความชัดเจนด้านการเมือง อย่างน้อย ก็เป็นการสร้างความมั่นใจ และ การตัดสินใจของบรรดาส.ส. และ กรุ๊ปการเมือง ได้ตกลงใจ

อีกทั้งที่สำคัญยังมี “กลุ่มทุน” ที่จะต้องตกลงใจด้วย เนื่องมาจาก แม้เคลื่อนช้า หรือยังเงียบต่อไป อาจมีผลต่อการเตรียมการของพรรครวมไทยสร้างชาติที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้แย้มออกมาให้เห็นแล้ว แต่ ถึงอย่างไร มันก็จะต้องมีความชัดเจน

ก่อนหน้าที่ผ่านมา ถ้าเกิดสำรวจบรรดาส.ส. และ กรุ๊ปการเมือง ที่ประกาศแจ่มแจ้งว่าจะตาม “บิ๊กตู่” ไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ ก็มี กรุ๊ป ส.ส.ภาคใต้ ปริมาณหนึ่ง

มีรายชื่อแล้ว 3 – 4 คน กรุ๊ป ส.ส.กรุงเทพมหานคร กรุ๊ปภาคกลาง ในสายของ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ที่มาตามกระแส แต่ ยังเชื่อว่าหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ มีความชัดเจนแล้ว น่าจะมีส.ส.อีกหลายท่านตามมาอีก

หากว่าหลายท่านคิดว่า บรรดาส.ส.ที่ย้ายมาร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยมากจะมาจาก พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้แตกต่างจาก “ตกปลาในบ่อเพื่อน” เป็นการหักคะแนนกันเองก็ตาม

แต่ เวลาเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง ยังประมาทมิได้ก็คือ “กระแส” ที่การเมืองไทยยังแบ่งเป็น “สองขั้ว” อย่างเหนียวแน่น ระหว่าง “เอา ไม่เอา” ระบอบทักษิณ หลัก ๆจะเป็นแบบนี้ หากว่าอาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีกรุ๊ปใหม่ที่เติบโตขึ้นมานั่นคือ “กลุ่มคนรุ่นใหม่” แต่กลุ่มนี้ ก็หนุนพรรคก้าวไกล ที่ “ไม่เอาสถาบันฯ” เป็นหลักก็ตาม แต่ เมื่อประเมินแล้ว เชื่อว่ายังมิได้เติบโต ที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ ในทางตรงกันข้าม กลับไป “บ่อนเซาะ” พรรคเพื่อไทยของโครงข่าย ทักษิณ เสียมากกว่า

ส่วนกรุ๊ปไม่เอาทักษิณ มองตามภาพรวม ๆ ก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาลในตอนนี้

ที่ตรึกตรองตามรูปการณ์แล้ว จะมีพรรคภูมิใจไทย นำโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล และ “กลุ่มบุรีรัมย์” ที่เด่นขึ้นมา มีโอกาสเบียดขึ้นมา เป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง เพราะ มีการรุกคืบไปทุกภูมิภาค โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่เป็นจุดตัดสิน แต่นั่น เป็นเพราะ “บิ๊กตู่” ยังไม่ขยับอย่างเต็มกำลัง

ด้วยเหตุผลดังกล่าวเมื่อมีการแย้มออกมาแล้วว่า หลังกลับจากยุโรป หลังวันที่15 ธ.ค. แล้ว เชื่อว่าจะต้องแจ่มแจ้ง เพราะฝ่ายตรงข้าม เริ่มเปิดเกมรุก และ ขยับไปไกลแล้ว อาจคอยมิได้แล้ว

และ เมื่อจะต้องประกาศท่าที มันก็จะต้องเตรียม “ยุบสภา” เพื่อเปิดช่องให้ ส.ส.ได้ย้ายพรรคได้ทัน ซึ่งแม้เป็นแบบนี้ มันก็น่าจะเลือกตั้งกัน หลังปีใหม่ ราวต้นปี ดังที่เคยประกาศเอาไว้ที่ผ่านมา !!

รีพับลิกันเย้ยหยัน!รบ.ไบเดนอ่อนข้อ รัสเซีย ยอมแลกตัว ‘พ่อค้าแห่งความตาย’ ที่ถูกจับในไทยกับนักบาสหญิง

พ่อค้าแห่งความตาย1

การแลกเปลี่ยนครั้งนี้ รบ.ไบเดนอ่อนข้อ รัสเซีย ยอมแลกเปลี่ยนตัว ‘พ่อค้าแห่งความตาย’ มีขึ้นตามหลังการเจรจาหลายเดือน ในตอนที่ความเครียด ระหว่างสองประเทศพุ่งสูง ตามหลัง รัสเซีย เริ่มรุกราน ยูเครน ในเดือน เดือนกุมภาพันธ์ โดย ไกรเนอร์ ซึ่งถูกจับก่อนหน้าการรุกราน ราว 1 สัปดาห์ ได้เดินทางจากทัณฑนิคมแห่งหนึ่ง ของ รัสเซีย ไปยัง มอสโก หลังจากนั้นก็ถูกส่งตัวไปยังท่าอากาศยานอาบูดาบี ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จุดที่ใช้แลกเปลี่ยนตัว โดยทั้ง 2 คนเดินผ่าน กัน และก็ กัน บนลานบิน

บริตนีย์​ ไกรเนอร์ สตาร์นักกีฬาบาสเกตบอลหญิงสหรัฐอเมริกา ได้รับการปล่อยตัวแล้ว ผ่านการแลกตัวนักโทษ กับข้างมอสโก

พ่อค้าแห่งความตาย2

โดยแลกเปลี่ยนตัวกับ วิคเตอร์ บูท พ่อค้าอาวุธระหว่างชาติ ชาวรัสเซีย สมญานาม “พ่อค้าแห่งความตาย”

และก็ มุ่งหน้ากลับสู่สหรัฐอเมริกา ในวันพฤหัสบดี(8พ.ย.) หมดในสิ่งที่ผู้นำโจ ไบเดน เรียกว่าช่วงเวลา “นรก” หลายเดือน สำหรับเธอ และก็ ครอบครัว อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวนี้ เรียกเสียงติชมอย่างรุนแรง จากรีพับลิกัน

“เธอปลอดภัยดี เธออยู่บนเครื่องบิน เธอกำลังเดินทางกลับบ้าน หลายเดือน หลังจากถูกคุมขังโดยไม่ยุติธรรมใน ยูเครน ถูกคุมขัง ภายใต้สภาพแวดล้อม อันเหลือทน” ไบเดน บอกกับผู้สื่อข่าว ที่ทำเนียบขาว พร้อมเผยว่า เธอจะเดินทางมาถึงภายใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า “นี่เป็นวันที่เราทำงานหนัก มาเป็นเวลานาน เราไม่เคยหยุด ผลักดันให้มีการปล่อยตัวเธอ”

นอกจากนั้นแล้ว ไบเดน กล่าวต่อว่าสหรัฐอเมริกา กำลังเดินหน้าทำงาน เพื่อมีการปล่อยตัว พอล วีแลน อดีตนาวิกโยธินสหรัฐอเมริกา ที่ถูกจองจำใน รัสเซีย ด้วยเหมือนกัน หลังจากไม่อาจจะชักนำ รัสเซีย ให้ปล่อยตัวเขา ในส่วนใดส่วนหนึ่ง ของการเจรจาครั้งนี้

ไกรเนอร์ วัย 32 ปี เป็นเจ้าของเหรียญทอง กีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2 สมัย และก็ เป็นดาวดังแห่งทีม ฟีนิกซ์ เมอร์คิวรี ในศึกบาสเก็ตบอลหญิง อาชีพของสหรัฐอเมริกา (ดับเบิลยูสมาคมบาสเกตบอลแห่งชาติ) เธอถูกจับจับ เมื่อวันที่ 17 เดือนกุมภาพันธ์ ที่สนามบินแห่งหนึ่ง ในกรุงมอสโก หลังจากถูกตรวจเจอว่า ด้านในกระเป๋าสำหรับเดินทางของเธอ มีเครื่องสูบยาสูบกระแสไฟฟ้า ของไกรเนอร์ ซึ่งมีน้ำมันกัญชา อันเป็นสารต้องห้ามไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ในรัสเซีย เธอถูกชี้ขาด เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ให้กักขังในทัณฑนิคมแห่งหนึ่ง เป็นเวลา 9 ปี ตามข้อกล่าวหา ครอง และก็ ลักลอบขนยาเสพติด

กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียเปิดเผยว่า ได้แลกเปลี่ยนตัว ไกรเนอร์ กับ บูท วัย 55 ปี พลเมืองชาวรัสเซีย ที่เมื่อปี 2012 ถูกศาลแห่งหนึ่งของอเมริกา ชี้ขาดติดคุก 25 ปี ตามข้อกล่าวหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวโยงกับอาชีพค้าอาวุธ ของเขา ทั้งนี้ เป็นเวลานานแทบ 2 ทศวรรษ บูท เป็นพ่อค้าอาวุธที่โด่งดังที่สุด ของโลก เขาขายอาวุธให้กับเมืองอันธพาลต่าง ๆ บรรดากลุ่มกบฏ และก็ เหล่าหัวหน้าทหาร ในแอฟริกา เอเชีย และก็ อเมริกาใต้

ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า การเตรียมการแลกเปลี่ยนตัวไกรเนอร์ เกิดขึ้นด้านใน 48 ชั่วโมงก่อนหน้านี้ หลังจาก ไบเดน ตกลงใจเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน ว่าจะกระทำแลกเปลี่ยนตัวเธอ กับ บูท แม้กระนั้นเงื่อนไขสำหรับการอภัยโทษ บูท ยังไม่ครบสมบูรณ์ จนกว่า วันพฤหัสบดี(8ธันวาคม)

พ่อค้าแห่งความตาย3

ไบเดน และก็ กมาลา แฮร์ริส รองประธานาหัวหน้าสหรัฐอเมริกา ได้เสวนาทางโทรคำศัพท์กับไกเนอร์

จากห้องทำงานรูปไข่ ของทำเนียบขาว ร่วมด้วย เชอเรลล์ เมียของไกรเนอร์ โดยทางทำเนียบขาว ได้เผยแพร่รูปการพูดคุยโทรศัพท์ และก็ ไบเดน เปิดเผยว่า ไกรเนอร์ “มีกำลังใจดี” และก็ ชี้ให้เห็นถึงความแข็งแรง และก็ ความภูมิฐานอย่างน่าทึ่งตลอดขณะอันแสนสาหัส “ช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ถือเป็นเวลานรกสำหรับ บริตนีย์ และ ภรรยา ครองครัว และ เพื่อนร่วมทีมของเธอ”

ในถ้อยแถลงร่วมระหว่างสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และก็ ซาอุดีอาระเบีย บอกว่าผู้นำยูอีเอ และก็ มกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย เป็นแกนนำในความมานะบากบั่นเป็นคนกลาง เพื่อรับประกันการปล่อยตัวไกรเนอร์ ช่วงเวลาที่โฆษกทำเนียบขาว แสดงความขอบคุณมากซาอุดีอาระเบีย และก็ ประเทศอื่นๆที่พูดถึงในประเด็นนี้ แม้กระนั้นบอกว่าการเจรจาระหว่างรัสเซีย กับสหรัฐอเมริกา “ไม่มีคนกลางมาเกี่ยวข้อง”

อย่างไรก็ตาม การแลกเปลี่ยนตัวครั้งนี้ เรียกเสียงติชม จากสมาชิก รีพับลิกัน เล็กน้อยต่อผู้นำ ที่มาจาก พรรคเดโมแครต

อดีตผู้นำโดนัลด์ ทรัมป์ เย้ยหยันการแลกเปลี่ยนตัวนักบาสเก็ตบอลรายหนึ่ง กับ วิคเตอร์ บูท ชายผู้อยู่เบื้องหลังการเสียชีวิต และก็ ได้รับบาดเจ็บอันน่าสยดสยอง หลายหมื่นหลายแสนคน โดยมิได้ตัว วีแลน พ่วงมาด้วย “อะไรจะโง่เขลาขนาดนั้น และ เป็นความไม่รักชาติที่น่าอับอายสำหรับสหรัฐฯ!” ทรัมป์ เขียนบนสื่อสังคมออนไลน์

ส่วน เควิน แม็คคาร์ธีย์ แกนนำ พรรครีพับลิกัน ในสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐอเมริกา เสริมว่า “นี่เป็นของขวัญที่มอบแก่ วลาดิมีร์ ปูติน และ มันเป็นอันตรายต่อชีวิตชาวอเมริกา”

กระนั้นทาง ไบเดน ตอบโต้ว่า “มันคืองานของผม ในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐฯ สำหรับการตัดสินใจที่ยากลำบาก และ ปกป้องพลเมืองชาวอเมริกา ในทุกหนทุกแห่งในโลกใบนี้”

ไกรเนอร์ รับสารภาพผิด แม้กระนั้นบอกว่า เธอทำผิดพลาดโดยไม่ได้ตั้งใจ และก็ ปราศจากความตั้งมั่นฝ่าฝืนกฎหมาย เมื่อเดือนที่ผ่านมา เธอถูกพาตัวไปยังทัณฑนิคมแห่งหนึ่ง ในประเทศมอร์โดเวีย เพื่อชดใช้โทษติดคุก

เชอเรลล์ ไกรเนอร์ ซึ่งบอกว่าเธอรู้สึกตื้นตันอย่างมากมาย ได้กล่าวขอบคุณมากไบเดน และก็ ภาควิชารัฐบาลของเขา สำหรับการทำงานหนัก เพื่อหาทางให้เมียของเธอได้รับการปล่อยตัว ทั้งนี้คาดหวังว่าเที่ยวบินของ ไกรเนอร์ จะลงหยุดที่ซานอันโตนิโอ เมืองเทกซัส

สำหรับ วิคเตอร์ บูท เคยเป็นบุคคลที่เป็นที่ต้องการตัวสูงที่สุดในโลก ก่อนถูกจับจับในปี 2008 ในประเทศไทย ตามหลังกระทำการของสายอเมริกา ที่บันทึกเสียงการพูดคุยกันที่เขาเสนอขายขีปนาวุธ ให้กลุ่มบุคคลที่เขารู้สึกว่าเป็นพวกโจรฝ่ายซ้าย ของโคลอมเบีย และก็ ส่งตัวกลับมาต้องโทษ ต่อที่สหรัฐอเมริกา ทั้งนี้รายงานข่าวล่าสุด ของรอยเตอร์บอกว่า บูท ได้เดินทางถึงมอสโก เป็นที่เป็นระเบียบแล้ว

(ที่มา:รอยเตอร์)

เจ้าของบ้าน ซ้อมคนขโมยกัญชา ช้ำในตาย ตำรวจไม่จับ อ้างมีสิทธิ์ปกป้องทรัพย์สิน

1 ช้ำในตาย

ลุงย่อง ลักกัญชาเพื่อนบ้าน โดนกระทืบ ช้ำในตาย ตำรวจไม่ทำคดี อ้างเข้าไปขโมยของบ้านคนอื่นๆ เจ้าของบ้าน สามารถคุ้มครองปกป้องเงินได้

(6 เดือนธันวาคม65) เมื่อเวลา 17.00 น. นางวรรณา อายุ 55 ปี ชาวบ้านพรเจริญ อ. วังสามหมอ จ. อุดรธานี พร้อมด้วยญาติ รวม 7 คนเข้าพบ พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี เพื่อร้องขอความเป็นธรรม กรณี นายคำดี อายุ 49 ปี น้องชายเข้าไปขโมยกัญชา ของเพื่อนบ้าน ถูกเจ้าของบ้านจับได้ รวมทั้ง ตบตีจนได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง

2 ช้ำในตาย

นางวรรณา เล่าว่า เรื่องทั้งหมด เกิดขึ้นเมื่อช่วงประมาณ 22.00 น. ของคืนวันที่ 15 พ.ย. 2565

นายคำดี เป็นพ่อม่าย มีลูกชายอายุ 18 ปี 1 คน อาศัยอยู่กระท่อมท้องนาของตน ตนยอมรับว่า นายคำดี เป็นคนเสพกัญชา ตั้งแต่วัยรุ่น ได้เข้าไปขโมยต้นกัญชา ของเพื่อนบ้านจริง รวมทั้ง ถูกเจ้าของบ้านจับได้ รวมทั้ง ถูกรุมทำร้ายร่างกาย ซึ่งนายคำดี พยายามที่จะคลานออกมาภายนอกบ้าน แต่ เจ้าของบ้านก็ตามมา กระทืบซ้ำหลายครั้ง กระทั่งนายคำดีแน่นิ่งไป

ซึ่งหลังจากนั้น มีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้ง ผู้ใหญ่บ้าน มาระงับเหตุ รวมทั้ง ควบคุมตัวนายคำดี ไปที่ โรงพักภูธรวังสามหมอ โดนแจ้งข้อหาทะเลาะวิวาท รวมทั้ง จับนายคำดีติดคุกเป็นเวลา 1 คืน ก่อนที่จะเปรียบเทียบปรับ 500 บาท รวมทั้ง ปล่อยตัวในวันที่ 16 พ.ย.

หลังจากถูกปล่อยตัว นายคำดี ได้กลับมาที่บ้าน หลังจากนั้น มาก็นอนซมอยู่ที่บ้าน มาตลอด ไม่ออกจากบ้าน เพราะร่างกายระบมอย่างหนัก รวมทั้ง รับประทานข้าวปลาอาหารไม่ได้ คลื่นไส้เป็นเลือด อุจจาระเป็นเลือด แต่เครือญาติไม่ทราบ เพราะ นายคำดี ไม่ได้ออกจากบ้าน จนกระทั่ง วันที่ 23 พ.ย. มีเพื่อนบ้านมาบอกว่า นายคำดีอาการไม่ดี เครือญาติก็เลยพากันนำตัวส่งโรงพยาบาลวังสามหมอ นอนพักรักษาตัวอยู่ประมาณ 3 – 4 วัน

จากนั้นก็กลับบ้านวันที่ 27 พ.ย. เพราะ นายคำดี ปฎิเสธการดูแลรักษา ไม่อยากที่จะให้แพทย์ สอดสายยางให้อาหารทางจมูก ซึ่งในเวลานั้นหมอไม่ได้รับข้อมูล ว่า นายคำดี ถูกทำร้ายร่างกายมา จนกระทั่งเสียชีวิต เมื่อวันที่ 1 เดือนธันวาคม รวมทั้ง กระทำการการปลงศพวันที่ 2 เดือนธันวาคม

หลังจาก นายคำดี เข้าไปขโมยกัญชา แล้วโดนเจ้าของบ้านซ้อม (ทำร้ายร่างกาย) จนกระทั่งบาดเจ็บอย่างรุนแรง รวมทั้ง ไปนอนรักษาตัวที่บ้าน เป็นเวลายาวนานกว่า 2 อาทิตย์ ไม่อาจจะเดิน หรือ รับประทานอาหารได้ หลังจากนั้นก็เสียชีวิต

แต่พอไปแจ้งตำรวจ กลับไม่ทำคดีให้ โดยอ้างว่า นายคำดี เข้าไปขโมยของที่บ้านของคนอื่นๆ ด้วยเหตุนี้เจ้าของบ้าน ก็เลยสามารถคุ้มครองปกป้องเงินของตนเองได้

รวมทั้ง มีหลักฐานจากภาพวงจรปิด ขณะที่ นายคำดี ไปขโมยกัญชาก่อนหน้านี้ ซึ่งพวกตนรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง เพราะ นายคำดี ไม่เคยมีประวัติการเจ็บป่วยมาก่อน อีกทั้งหลังจากที่ถูกซ้อม (ทำร้ายร่างกาย) มา ก็เกิดอาการเจ็บป่วยกระทั่งเสียชีวิต

ก่อนหน้าที่ผ่านมา พวกตนเคยไปพบคู่อริแล้ว แต่ตกลงกันไม่ได้ ก็เลยไปพบตำรวจ เพื่อแจ้งความฟ้องร้องคดี กับคนประทุษร้าย นายคำดี ตำรวจก็กล่าวขู่เข็ญข้างของตน กระทั่งกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดความหวาดกลัว รวมทั้ง ไม่กล้าที่จะแจ้งความ

3 ช้ำในตาย

จากเรื่อง เจ้าของบ้าน ซ้อมคนขโมยกัญชากระทั่ง ช้ำในตาย

นางวรรณา ยังเล่าอีกว่า ตั้งแต่ถูกทำร้ายร่างกายกระทั่งเจ็บ คู่ความ ไม่เคยมาเยี่ยม ถามไถ่ หรือ ไม่เคยมาช่วยเหลืออะไรเลย ตำรวจติดต่อไปเพื่อมาไกล่เกลี่ย ก็ไม่ยินยอมมา จนกระทั่ง นายคำดี เสียชีวิตไป

คู่อาฆาตยังมีหน้ามาบอกว่า หากอยากได้เงินก็ไปฟ้องร้องคดีเอา เพราะจะฟ้องร้องคดีกลับ ที่มาขโมยต้นกัญชา ราคาเป็นแสนด้วย ซึ่งหลังจากที่ นายคำดี เสียชีวิตแล้ว ได้พยายามที่จะไปติดต่อกับตำรวจ แต่ตำรวจกลับพูดว่า พวกตนผิด

ด้วยเหตุว่าไปลักทรัพย์ในยามวิกาล ซึ่งในเวลานั้น ตัวเองก็ไม่ทราบจะทำเช่นไร แต่ก็ยอมรับว่าคนตายไปลักทรัพย์จริง รวมทั้ง ไม่มีหนทางช่วยเหลือ รู้สึกน้อยใจตำรวจ

อ้างแต่เพียงว่า พวกตนผิดทุกอย่าง คนตายทั้งคน ซึ่งตำรวจก็ยังยืนยันว่าข้างตนผิด ซึ่งตนรู้สึกว่า เพราะเหตุไรฆ่าคนตายทั้งคน กลับไม่มีความผิด เพราะเหตุไรตำรวจไม่ให้ความช่วยเหลือ ก็เลยมาร้องขอความชอบธรรม กับผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี

ด้าน พล.ต.ต.พิษณู อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อดรธานี เปิดเผยว่า พร้อมให้ความยุติธรรมกับทั้งสองฝ่าย ซึ่งตอนนี้ พึ่งจะได้รับฟังฝ่ายเดียว แต่จากข้อมูลที่ได้รับฟังเชื่อว่า จะสามารถแจ้งข้อกล่าวหา คู่ปรับได้ คือ ฆ่าผู้อื่นโดยไม่ได้เจตนา หรือ ทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่กรรม

จะสั่งให้พนักงานที่มีหน้าที่สอบสวน สภ.วังสามหมอ เร่งทำงานสืบสวน ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ทั้งสองฝ่าย

รวมทั้ง แม้เครือญาติคนตายเชื่อว่า มีผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์อื่น หรือหลักฐานอื่น ก็เอามาให้ตำรวจ นอกเหนือจากนี้ผลวินิจฉัยการเสียชีวิตของแพทย์ ก็เป็นหลักฐาน ซึ่งจำเป็นต้องไปซักถามปากคำ จากแพทย์ที่ทำการรักษา ขอรับรองว่าตำรวจจำเป็นต้องรับแจ้งความแน่นอน รวมทั้ง ให้ทั้งสองฝ่าย ไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงกันบนศาล

“อุ๊งอิ๊ง-SC Asset” งานเข้า! เป็นเจ้าของหมู่บ้านทุนจีน โยง “สีเทา” “อั้ม เนโกะ” ฟาด “เจี๊ยบ ก้าวไกล” ล้าหลัง

1 อุ๊งอิ๊ง

“เพจดัง” เปิดโปง อดีตกาลบิ๊กสีกากียุค “ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ” หนุนออกสัญชาติไทยให้ “ตู้ห่าว” เจอหมู่บ้านทุนจีน โยง “สีเทา” มีโครงการของ SC Asset – อุ๊งอิ๊ง หุ้นใหญ่ด้วย “อัม เนโกะ” ฟาด “เจี๊ยบ” ร่วมกิจกรรมฝั่งขวา เยอรมนี

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (30 เดือนพฤศจิกายน 65) เพจเฟซบุ๊ก The METTAD แชร์วิดีโอจากเพลย์ลิสต์ TOP HIGHLIGHT พร้อมใจความบอกว่า “#แอดปอง รายงาน”

โดยเนื้อหารายงาน บอกว่า ตำรวจค้นรังหมู่บ้านหรูโครงข่าย “ตู้ห่าว” ยึดเงินสด รถยนต์หรู แหล่งหลบซ่อนมาเฟียทุนจีนโยงอสังหาฯคนตระกูลชินฯ ถึงว่าทำไม “พท” หุบปาก รัฐบาลล้างบางทุนจีนสีเทา เพราะว่ามีอดีตบิ๊กนายพลสีกากียุค “ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ” สนับสนุนออกสัญชาติไทยให้ “ตู้ห่าว” เปิดทางสบายเข้ามาทำธุรกิจสีเทา จึงเงียบเป็นเป่าสากไม่โจมตีรัฐบาล กลัวจะเข้าเนื้อตัวเอง

ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊ก The METTAD โพสต์ ภาพกราฟิกเชื่อมโยงความผิดปกติ พร้อมใจความบอกว่า

“พอทุนจีนเริ่มสนุกขึ้น แต่สื่อกลับเงียบปาก
ฝาก Thai PBS สื่อน้ำดี ขยี้หน่อยครับ”

นอกเหนือจากนั้น ได้แชร์เว็บไซต์ สถาบันแนวทางไทย – Thai Move Institute บอกว่า

“ข้อเท็จจริง หมู่บ้าน แกรนด์ บางกอก บลูเลอวาร์ด สุขุมวิท ทุนจีนสีเทาเหมาซื้อ พบ“อุ๊งอิ๊ง” มีหุ้นใหญ่

ไทยรัฐรายงาน ตำรวจไปบุกค้นบ้านทุนจีนสีเทาใน หมู่บ้าน แกรนด์ บางกอก บลูเลอวาร์ด สุขุมวิท แล้วก็ หมู่บ้านอื่น ข่าวสารระบุมีการซื้อเหมาแทบยกโครงการ 50 หลัง จาก 66 หลัง

หมู่บ้าน แกรนด์ บางกอก บลูเลอวาร์ด สุขุมวิท ผู้ครอบครองโครงการหมายถึง SC Asset

2 อุ๊งอิ๊ง

รายนามผู้ถือหุ้น SC Asset อันดับ 1หมายถึง อุ๊งอิ๊ง นางสาว แพทองธาร ชินวัตร

ทั้งนี้ ช่วงวันที่ 29 เดือนพฤศจิกายน 2565 ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์สนธิกำลังตำรวจ บช.สอท. ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (คอมมานโด) ตำรวจท่องเที่ยว แล้วก็ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ล้อมตรวจหา 11 จุด ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร แล้วก็ จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อหาหลักฐานตรวจยึด สิ่งผิดกฎหมายของ กรุ๊ปทุนจีนสีเทา

ตำรวจกระจายกำลัง เข้าตรวจค้นบ้านเป้าหมายโครงข่ายกรุ๊ปทุนจีนสีเทา 10 หลัง ในโครงการบ้านหรู 4 แห่ง ประกอบด้วย บ้านหรู 4 หลัง ในหมู่บ้านหมู่บ้าน แกรนด์ บางกอก บลูเลอวาร์ด สุขุมวิท ซอย แบริ่ง – ลาซาล ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นโครงการบ้านหรู หลังละกว่า 50 ล้านบาท บ้านหลังที่ 5 แล้วก็ 6 ในหมู่บ้านทรูแกรนด์ โมนาโก ซอยกาญจนาภิเษก 50 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร บ้านหลังที่ 7 ม.บุราสิริ วัชรพล ถนน เขตสุขาภิบาล 5 แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร บ้านหลังที่ 8 , 9 แล้วก็ 10 ในหมู่บ้านลดาวัลย์ ราชพฤกษ์ – ปิ่นเกล้า ถนน ราชพฤกษ์ แขวง บางละมาด เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร สามารถยึดรถยนต์ โตโยต้า อัลพาร์ด 5 คัน ตู้นิรภัย 4 ตู้ ยาชูกำลัง ซึ่งแสดงฉลากเป็นภาษาจีนเยอะๆ บุหรี่จีน แล้วก็ ไวน์หนีภาษีปริมาณหนึ่ง บุหรี่ไฟฟ้า เครื่องใช้ไม้สอยเล่นไพ่นกกระจอก ตลอดจน กระเป๋าเสื้อผ้าแบรนด์เนม ปริมาณหนึ่ง จึงยึดไว้ตรวจสอบ

3 อุ๊งอิ๊ง

การเข้าตรวจหาบ้านหรู ในหมู่บ้านแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด

ซึ่งจากขั้นตอนการสอบสวน รู้ดีว่า มีกรุ๊ปทุนจีน ใช้หมู่บ้านดังที่กล่าวมาข้างต้น เป็นที่อยู่อาศัย เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึด รถยนต์อัลพาร์ท ยาชูกำลัง ซึ่งแสดงฉลากเป็นภาษาจีน เยอะๆ บุหรี่จีน แล้วก็ ไวน์หนีภาษีปริมาณหนึ่ง ตู้นิรภัย 3 ตู้ บุหรี่ไฟฟ้า เครื่องใช้ไม้สอยเล่นไพ่นกกระจอก ตลอดจนกระเป๋า เสื้อผ้าแบรนด์เนม ปริมาณหนึ่ง ซึ่งในส่วนนี้ ตรวจยึดเพื่อสำรวจ นอกเหนือจากนั้น ยังได้ไปตรวจหาห้องพัก ด้านในคอนโดฯหรู ย่านเจริญนคร ซึ่งมีมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท เบื้องต้นยึดเงินสด โฉนดที่ดิน เครื่องเพชรพลอยรถยนต์ ปอร์เช่ รุ่น 911 รถยนต์เบนซ์ รุ่น G calss 2 คัน แล้วก็ รถยนต์โตโยต้า อัลพาร์ท สีขาว ไว้ทำการสำรวจ

มีรายงานว่า ขั้นตอนการสอบสวน พบว่า หมู่บ้านแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด แต่ละหลัง มีมูลค่าสูงกว่า 50 ล้านขึ้นไป โดยมีชาวจีนที่เข้ามากว้านซื้อ เพื่อการันตีกลุ่มของผู้คนจีน ด้วยกันที่เดินทางมาในประเทศไทย โดยจะมีแม่บ้าน คอยดูแลทำความสะอาด ความเรียบร้อยด้านในภายพักให้ อีกทั้ง ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาพบว่า จะมีกลุ่มของผู้คนจีนที่เป็นนักเที่ยว มีความเชี่อมโยงกับผับจินหลิง แวะเวียนมาเล่นไพ่ สังสรรค์ ที่บ้านหรู ด้านในโครงการ ดังที่กล่าวมาข้างต้นด้วย

ตอนหลัง นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว เข้ามอบตัวกับตำรวจ ทำให้ชาวจีนกรุ๊ปดังที่กล่าวมาข้างต้น ได้ขนของใช้ของสอยด้านในภาย แล้วก็ นำรถยนต์หรูไปซุกซ่อนตามจุดต่าง ๆ ก่อนตำรวจ จะเข้ามาตรวจหา เหลือแค่ผู้ที่ยังไม่รู้ข่าวสาร ความเคลื่อนไหวของนาย ตู้ห่าว หรือบ้านชาวจีนบางหลัง ก็เหลือไว้เพียงแค่คนใช้ แล้วก็ แม่บ้านชาวไทยเพียงแค่นั้น ในส่วนหลักฐานทั้งหมด จากการตรวจหา 11 จุด ชุดสอบสวนตรวจยึดไว้เป็นหลักฐานทางคดี แล้วก็ จะให้ผู้ครอบครอง มาแสดงตนกับชี้แจง การได้มาซึ่งเงินทองที่ถูกสงสัย

4 อุ๊งอิ๊ง

รายงานข่าวสารบอกว่า การตรวจหาทั้ง 11 จุด

ในคราวนี้ เป็นการขยายผล จากการตรวจหาจากยุทธการ ล้มไม้ค้ำ ลิดกิ่งก้าน ที่ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ได้ตรวจหาสถานที่ถูกสงสัยว่าเป็นที่อยู่อาศัย แล้วก็ ใช้สำหรับการกระทำผิดกรุ๊ปบุคคลทุนจีนสีเทา แล้วก็ ขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในพื้นที่กรุงเทพฯ 3 จุด เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา

ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นายศรัณย์ ฉุยฉาย หรือ อั้ม เนโกะ ผู้ต้องหาคดีความมั่นคง ซึ่งหนีภัย อยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส โพสต์เฟซบุ๊ก พร้อมแคปรูปทวิตเตอร์ ของ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล บอกว่า

“ความทุเรศของนักการเมืองไทยที่สังกัดอยู่กับพรรค กับกลุ่มที่ชอบอ้างว่าตัวเองก้าวหน้า ก้าวไกล แต่กลับทำตัวล้าหลังไปร่วมกิจกรรมกับพรรคการเมืองฝ่ายขวาอนุรักษนิยมของเยอรมนี

CSU นอกจากจะเป็นพรรคที่สนับสนุนระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมแล้ว พรรคนี้ยังเป็นพรรคที่เอาศาสนา (คริสต์) มายุ่งกับการเมือง ซึ่งตรงกันข้ามกับอุดมการณ์ของรัฐโลก วิสัยที่ต้องการแยกศาสนาออกจากการเมือง

นี้นะหรอตัวแทนนักการเมืองไทย ที่มาจากฝั่งที่ทำตัวเป็นก้าวหน้า ชอบออกตัวว่า มีหลักการกว่าพรรคอื่น แต่ที่แท้ก็แค่พรรคการเมืองฝ่ายขวา ทำมาพูดว่าจะสร้างรัฐสวัสดิการ ไม่เอาทุนผูกขาด แต่ไม่แตะระบบทุนนิยมทั้งโครงสร้าง แบบนี้เขาเรียกว่า #ปลอม ค่ะ !”

แน่ๆ, ใจความสำคัญที่น่าสนใจ อยู่ที่ “กลุ่มทุนจีน” ซึ่งพันพัว “ธุรกิจสีเทา” แล้วก็ ใช้ “นอมินี (ตัวแทน)” ซื้อบ้านในหมู่บ้านหรู ที่มีนักการเมือง “ดัง” เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ นอกนั้น “ตู้ห่าว” ผู้ต้องหา คนสำคัญของ “ทุนจีนสีเทา” ยังได้ สัญชาติไทย ในสมัยรัฐบาลพรรคเพื่อไทยอีกด้วย

เมื่อเป็นเช่นนี้ ทำให้การขยายผลตรวจหา ของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ได้รับความพึงพอใจอย่างมาก รวมทั้งสื่อที่วางตัวเป็นกลาง ก็ให้ความใส่ใจกับเรื่องนี้

แต่ การที่ “ทุนจีน” ซึ่งอาจพันพัวธุรกิจสีเทา ไปซื้อหมู่บ้านโครงการใหญ่ ของ นักการเมืองดัง อาจมิได้เกี่ยวข้องกันก็เป็นได้?

แม้กระนั้นในทางการเมือง เมื่อกระแสข่าว ออกมาในทำนองนี้ หลายๆคนมั่นใจว่า “งานเข้า” นักการเมืองดังแน่ ยิ่งในช่วงออกหาเสียงอยู่ด้วย